เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2563 ที่ศูนย์การศึกษาจังหวัดสมุทรสงคราม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวในการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั่วประเทศ ครั้งที่ 3/2563 ว่า วันนี้เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยหลายคนอาจมีความกังวลในสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ว่า เกิดขึ้นจากการศึกษาไทยหรือไม่ ซึ่งก็อยากให้มองในทางบวก และคนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือผู้บริหารที่นั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าอยากให้การศึกษาไทยเท่าเทียมกับประเทศอื่นเราต้องมีการปฏิบัติให้ได้เราต้องปลดล็อคสิ่งที่กีดขวางการพัฒนาการศึกษาที่เรา ไปไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนทัศนคติและต้องเปิดกว้างในสิ่งที่ไม่เคยทำเราต้องร่วมมือกันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ขอให้ผู้บริหารเป็นแกนนำพลิกประวัติศาสตร์การศึกษาไทยที่เราต้องทำให้ได้
“ ผมมาอยู่ที่นี่ปีกว่า พบเจออะไรมากมาย โดยสิ่งที่ต้องทำคือต้องควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งเบื้องต้นมีประมาณ 300-400 โรง เราหลบไม่ได้อีกแล้ว จะติดอะไรก็แล้วแต่จะต้องควบรวมให้ได้ ถ้ารวมไม่ได้ก็หมายความว่าเรากำลังทิ้งใครไว้ข้างหลัง ยอมรับว่ายากที่จะทำแต่ต้องทำ ต้องโอบอุ้มลูกหลานให้ได้รับสิ่งที่ดีๆ ใครมาบอกว่าควบรวมไม่ได้ เพราะนู่นนี่นั่น ถ้าท่านคิดว่ายากคือกำลังคิดถึงสิ่งที่สำคัญน้อยกว่าเด็ก เราต้องไม่หลอกตัวเอง ต้องมีวิธีบริหารจัดการนักเรียน ครู ผู้บริหาร รวมถึงเรื่องของการอำนวยความสะดวก ” นายณัฐพล กล่าวและว่า นายกรัฐมนตรีได้เรียกตนและรมว.คมนาคมเข้าไปคุยเรื่องนี้ว่าตอนนี้เรากำลังปรับรถเมล์เป็นรถไฟฟ้า แล้วรถที่มีอยู่จะทำอย่างไร ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมจะมีการจำหน่าย นายกฯจึงให้หาวิธีนำรถไปใช้ ทำเป็นรถรับส่งนักเรียนโรงเรียนที่ยุบรวม โดยให้คิดถึงงบประมาณการปรับปรุง ค่าบำรุงรักษา ค่าซ่อมแซม คนขับ และน้ำมันรถด้วย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า หลักการของการควบรวมโรงเรียนที่ทำกันอยู่ที่ 1 ต่อ 2 นั้น ตนอยากให้ทำ 1 ต่อ 7 หรือ 1 ต่อ 8 เพื่อให้โรงเรียนมีขนาดใหญ่ขึ้น และจะได้รวมทรัพยากรเพื่อจัดโดยให้มีการสร้างแรงจูงใจทำโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพ มีสนามกีฬาห้องคอมพิวเตอร์สระว่ายน้ำหรืออะไรก็ตาม ที่เป็นส่วนในการพัฒนาเด็กรวมถึงมีสวัสดิการสำหรับครู มีบ้านพักครูหรือบ้านพักข้าราชการด้วย ผมจะปล่อยเด็กโรงเรียนขนาดเล็กไม่ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพเท่าเทียม ไม่ได้ อีกอย่างทุกวันนี้โรงเรียนประจำจังหวัดมีเด็ก 3,000 ถึง 4,000 คน มากเกินไปเราต้องกระจายโรงเรียนดีออกไปเป็นโรงเรียนสี่มุมเมือง หรือมากกว่านั้นก็ได้เป็นการกระจายคุณภาพ ออกไป โดยต้องเริ่มที่โรงเรียนมัธยมศึกษาก่อน และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นต้องลดจำนวนนักเรียนสายสามัญศึกษาลงอีก ต้องปล่อยให้เด็กไปเรียนอาชีวะเพราะอาชีวะเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ ประเทศจะขับเคลื่อนไปได้ต้องด้วยอาชีวะ โดยทั้งหมดนี้โรงเรียนประถมศึกษาจะต้องเป็นตัวป้อน และเมื่อทำโรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมืองได้แล้ว เราก็จะมาต่อกันที่โรงเรียนประถมศึกษา ต่อไป สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้บริหารจะต้องกล้าเปลี่ยนแปลง