เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่กระทรวงศึกษาธิการ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการว่า ประเด็นหลักที่มีการพิจารณาเป็นพิเศษ คือ ข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ  และ คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา(กอปศ.) ซึ่งทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่า จากนี้ไปเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษจะได้รับการดูแลที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะมีข้อเสนอหลายเรื่องที่จะแก้ปัญหาสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติ เช่น การแก้ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้เกิดการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมสำหรับเด็กกลุ่มนี้ และให้เด็กสามารถเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาตามรัฐธรรมนูญอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอจากคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการว่า อยากให้มีนักจิตวิทยาประจำโรงเรียน เพื่อทำหน้าที่ดูแลคนพิการและเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ เป็นต้น

     ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) ฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพูดถึงการดำเนินการเพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษสำเร็จโดยเร่งด่วน หรือ QUICK WIN ว่า  อันดับแรกจะต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคเพื่อดูแลช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ จากนั้นจะต้องทำให้เด็กพิการได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการมีงานทำหรือการเรียนอาชีพควบคู่กันไป ส่วนเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ซึ่งมีเป็นแสนคน แต่เมื่อมีการตรวจสอบในเชิงวิจัยแล้ว พบว่า มีเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้จริง ๆ ประมาณ 40% ดังนั้นจะต้องหาวิธีการคัดกรองเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้จริง ๆ ให้ได้ ไม่ใช่เด็กเรียนช้า เพราะเด็ก 2 กลุ่มเป็นคนละกลุ่มกัน ซึ่งคนที่จะทำหน้าที่นี้ไม่ใช่เป็นภาระของฝ่ายแพทย์เท่านั้น แต่โรงเรียนหรือฝ่ายการศึกษาจะต้องเข้ามาทำหน้าที่ในการคัดกรองนี้ด้วย

     เลขาธิการ สกศ. กล่าวต่อไปว่า  ต้องนำเรื่องดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อนำบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษเข้ามาสู่ระบบการศึกษา โดยจะต้องมีการวางระบบที่ควรวงจร  ขณะที่ต้องเสริมให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้ามาช่วยดูแลเด็กด้วย  ซึ่งที่ประชุมเห็นว่ามีความจำเป็นต้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเปลี่ยนความคิด วิธีการที่จะมองการจัดการศึกษาเพื่อคนพิการใหม่  ส่วนสถานศึกษาสำหรับเด็กกลุ่มพิเศษจะต้องจัดให้มีความเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง เช่น เรื่องความสะอาด การติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องเรียนหรือในโรงเรียน เป็นต้น

     “สำหรับเรื่องการเรียนของเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ นั้น ที่ประชุมเห็นว่าเด็กกลุ่มนี้ต้องใช้วีการเรียนรวมเท่านั้น ไม่เห็นด้วยที่จะแยกให้เด็กพิการ หรือ เด็กความสามารถพิเศษแยกออกไปเรียนต่างหาก  แต่ที่ประชุมก็เข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องปรับระบบโรงเรียนและความคิดของสังคม จึงก็เห็นว่าต้องใช้วิธีการค่อย ๆ ทำไป และเรื่องสุดท้ายคือการประกันคุณภาพที่ว่าโรงเรียนกลุ่มนี้จะต้องมีมาตรฐานของตนเองเพื่อเป็นตัวกำกับหลายเรื่องให้เป็นไปตามหลักการ เช่น มาตรฐานที่กำกับว่าทุกโรงเรียนต้องดูแลเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ เพื่อให้โรเรียนไม่สามารถปฏิเสธเด็กกลุ่มนี้ได้  ส่วนของการประเมินผู้เรียนได้มีการพูดถึงมากว่า เด็กกลุ่มนี้ต้องได้รับการประเมินที่เหมาะสมกับธรรมชาติของเขาซึ่งจะต่างจากเด็กปกติ”ดร.ชัยพฤกษ์กล่าวและว่า ทั้งนี้ที่ประชุมได้วางแนวทางการทำงานให้ประสบความสำเร็จเป็น  2 ระยะ คือ ระยะ 3 เดือน และ  6 เดือน -1 ปี  โดยมอบให้คณะกรรมการปฏิรูปการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษไปพิจารณาต่อ แล้วทำเป็นแผนงานเสนอต่อที่ประชุมต่อไป

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments