เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 ที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “อาชีวศึกษายกกำลังสอง” โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)และสถานประกอบการชั้นนำ 26 แห่ง เข้าร่วม โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอชื่นชมการทำงานของ ศธ. จะเป็นการดีที่สุดถ้าผู้ปกครอง ครูและนักเรียนเข้าใจไปด้วยกัน ทั้งนี้การพัฒนาองค์กรการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จึงได้กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี โดยกำหนดการพัฒนาเป็นช่วงอายุ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องผลิตบุคลากรให้ทัน ให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน จบแล้วทุกคนต้องมีงานทำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สมัยนายกฯเรียนหนังสือ ไม่มีอะไรที่ทันสมัยเข้ามาช่วยสอนเรียนหนังสือ รับราชการทหารจนเกษียณอายุราชการและมาเป็นนายกฯ ได้เห็นว่าหลายอย่างในชีวิตยังช้าจึงหารือรมว.ศึกษาธิการ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่ โดย ขอความร่วมมือภาคเอกชน เข้ามาช่วยฝึกประสบการณ์ทำงานให้นักเรียน เพราะการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างชาติ ต้องไปดูว่า เขาต้องการคนแบบไหน วันนี้เรามีอุตสาหกรรมเป้าหมาย7 สาขาหลัก และจะเพิ่มอีก 5 สาขารวมเป็น 12 สาขา เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี อีกหน่อยมีการเชื่อมโยงไปทุกภาคของประเทศ เชื่อมโยงไปต่างประเทศ ต้องมองเป้าหมายและดูว่าจะเดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร ระหว่างนั้นอาจจะมีปัญหาบ้างทั้งสังคมสิ่งแวดล้อม ซึ่งเด็กทุกคนต้องคิดตรงนี้ วันนี้รัฐบาลสร้างโอกาสให้ประชาชนมีความมั่งคั่ง ยั่งยืน พ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง แต่ทุกคนต้องช่วยกัน เด็กทุกคนต้องคิดและวางแผนชีวิต ฝากให้กระตุ้นเด็กอยากทำงาน เพื่อพัฒนาให้เร็วขึ้น
“กว่าจะทำมาได้ถึงวันนี้ต้องใช้เวลา ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนได้ในวันสองวัน เราต้องรวมพลังกันที่จะเดินไปข้างหน้าวันนี้ยกกำลังสอง ผมว่าไม่พอ ผมขอยกกำลังสิบ ไม่เช่นนั้นจะไม่ทัน เดินไปข้างหน้าด้วยกัน อาชีวะต้องเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง คนไทยต้องเป็นหัวหน้างานทำงานกับเครื่องจักรได้ ทำงานกับหุ่นยนต์ได้ ตอนนี้ต้องการกำลังคน 5 หมื่นคน เพื่อรองรับอีอีซี แต่ต้องทำงานให้ได้ ไม่ใช่เกเร ความประพฤติต่างๆ เขาดูหมดนายกฯ มีหน้าที่ในการพัฒนา สร้างงาน และแสวงหาความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆสิ่งสำคัญที่ประเทศไทยต้องการคือการผลิตบุคลากรที่มีศักยภาพ ครูเป็นสิ่งสำคัญรัฐบาลยืนยันจะเร่งพัฒนา อย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤต เรามีโควิดแต่เราก็สร้างโอกาสเตรียมเปิดประเทศ วันนี้เราเดินไปได้มาก ฝากทำความเข้าใจกับนักเรียนให้เข้าใจว่าอะไรคือโอกาส อะไรคืออนาคต อดีตก็คืออดีต ประวัติศาสตร์ที่ดีก็เอามาทำต่อ อะไรไม่ดีก็ทิ้งไป อาชีวะต้องสร้างให้ได้ทั้งคนดีและคนเก่ง มาช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเมืองด้วยกัน”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ด้าน นายณัฏฐพล กล่าวว่า ศธ.ได้มอบหมายนโยบาย ในการสนับสนุนให้สถาบันอาชีวศึกษาผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพ ตามความเป็นเลิศของสถานศึกษา และตามบริบทของพื้นที่ โดยต้องสอดคล้องกับความต้องการด้านแรงงานของประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อนกระดับความสามารถของผู้เรียนและผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการอาชีวศึกษาให้มีความสามารถในการแข่งขันทั้งทักษะความเชี่ยวชาญที่ทำงานได้ทันทีแบะมีทักษะด้านความคิด อารมณ์ที่สดอคล้องกับโลกการทำงาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนประเทศอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต
นายณัฏฐพล กล่าวว่า สถาบันอาชีวศึกษาได้รับการสนับสนุนจากสถานประกอบการชั้นนำทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก ตลอดจนภาคเอกชนจากสาขาอาชีพต่างๆ ในการผลิตและพัฒนากำลังคน ในสาขาที่เป็นความต้องการของตลาดแรงงาน ด้วยการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีมาพัฒนาเป็นหลักสูตรอาชีวศึกษาเฉพาะทาง แบบ 1 เอกชน ต่อ 1 วิทยาลัย ใน 7 สายงานหลัก ได้แก่ ปิโตรเคมี เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล หุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม เกษตรสมัยใหม่ อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมระบบรางและยานยนต์สมัยใหม่ และ ธุรกิจโรงแรมและการบริการ ซึ่งในขณะนี้ ได้รับความร่วมมือในการช่วยกันพัฒนาและยกระดับการจัดการอาชีวศึกษาจากสถานประกอบการชั้นนำ แล้ว 32 แห่ง และตั้งเป้าหมายจะได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศอาชีวศึกษา ให้ครบ 50 แห่งในสิ้นปี 2563 และในปี 2564 ครบ 100 แห่งทั่วประเทศ
