เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2563 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดยานนาวา ที่ปรึกษาคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พิธีเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมเครือข่ายผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ประจำปี พ.ศ. 2563 และพิธีมอบตาลปัตรและเข็มเชิดชูเกียรติให้กับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และมอบโล่รางวัลสำหรับเด็กและเยาวชนที่ชนะการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ และประกวดบรรยายธรรม ประจำปี พ.ศ. 2563 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวางกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้คัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประจำปี 2563 และประกาศเกียรติคุณของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นผู้เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังทรัพย์ และเวลาอันมีค่าเพื่อทำนุบำรุง สนับสนุน ส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ มีส่วนร่วมในการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรม/งาน/โครงการของพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้จัดประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ และการประกวดบรรยายธรรม ประจำปี พ.ศ. 2563 ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ สร้างความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน เสริมสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนให้เกิดการมีส่วนร่วม บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม กรมการศาสนาจึงได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ พร้อมทั้งจัดให้มีพิธีมอบตาลปัตรและเข็มเชิดชูเกียรติให้กับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และมอบโล่รางวัลสำหรับเด็กและเยาวชนที่ชนะการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ และประกวดบรรยายธรรม ประจำปี พ.ศ. 2563 เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการทำความดีแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาที่ได้รับการคัดเลือก ให้เด็กเยาวชนที่ชนะการประกวด
“ในปีพุทธศักราช 2563 มีผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา
ที่ผ่านการคัดเลือกทั่วประเทศ ประกอบด้วย บรรพชิต คฤหัสถ์ และองค์กร จำนวน 160 ราย กรมการศาสนาได้ให้ความสำคัญกับผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา จึงได้ประกาศเกียรติคุณให้ปรากฏโดยทั่วไป เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำความดี ตลอดถึงเป็นแบบอย่างที่ดีของอนุชนรุ่นหลังสืบไป” อธิบดีกรมการศาสนากล่าว