เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ที่ โรงแรมเอสดี อเวนิว กรุงเทพฯ กรมการศาสนาจัดอบรม “พระมหากษัตริย์กับการพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี” ส่งเสริมให้ศาสนิกชนได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา สามารถปฏิบัติงานศาสนพิธีได้อย่างถูกต้องและสม โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง จำนวน 350 คน
นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนา มีภารกิจในการสนองงานพระราชพิธี และงานพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติงานพิธีที่อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระบรมราชานุเคราะห์ งานรัฐพิธี และศาสนพิธีโดยทั่วไป ภารกิจที่สำคัญประการหนึ่งคือการอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงาน องค์กร คณะบุคคล และบุคคลโดยทั่วไปทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีความประสงค์ขอพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวายแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ พระอารามหลวงต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมกับทำหน้าที่จัดผ้าพระกฐินและเครื่องบริวารพระกฐินพระราชทานมอบแก่ผู้ขอรับพระราชทานดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีภารกิจในการส่งเสริมให้ศาสนิกชนได้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถปฏิบัติงานศาสนพิธีได้อย่างถูกต้อง การจัดการประชุมอบรม เรื่อง “พระมหากษัตริย์กับการพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี” จึงมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่เจ้าหน้าที่ บุคลากรของส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กร คณะบุคคล และบุคคลที่ขอรับผ้าพระกฐินพระราชทานไปถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษาถ้วนไตรมาส ประจำปีพุทธศักราช 2563 ให้ได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสทบทวนขั้นตอน แนวทางในการปฏิบัติงานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและสมพระเกียรติ
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อไปว่า การถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เป็นงานพิธีการที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์และเกี่ยวข้องกับศาสนพิธี โดยที่ศาสนพิธีเป็นองค์ประกอบหนึ่งของศาสนา เป็นสื่อแรกที่จะนำให้ประชาชนได้เข้าถึงศาสนา ผู้ปฏิบัติงานด้านศาสนพิธีจะต้องมีความเชี่ยวชาญในระเบียบและขั้นตอนต่างๆ และจะต้องมีความรู้ เข้าใจความหมายต่างๆ ที่แฝงอยู่ในพิธีการ สามารถอธิบายได้และสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เรียบร้อย และสวยงาม ผู้ทีได้รับการอบรมในครั้งนี้จะได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับงานพระราชพิธี รัฐพิธี และงานศาสนพิธี ตลอดถึงธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเป็นแนวทางเดียวกัน อีกทั้งสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้อื่น ขยายผลให้มีบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านศาสนพิธีเพิ่มมากขึ้น สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ต่อไป.