เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังบรรยายพิเศษ หัวข้อ”Roadmapการศึกษาไทย:การศึกษายกกำลังสอง”ที่ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีผู้บริหารระดับสูงศธ.กว่า 100 คนเข้าร่วม ว่า หลังจากประเมินสถานการณ์ในช่วงเกิดเชื้อไวรัสโควิด 19 และหลังเชื้อไวรัสโควิด 19 ในส่วนของการศึกษาที่ ศธ.รับผิดชอบ เราได้แก้ไขปัญหาและปลดล้อคอะไรหลายอย่าง และมองเห็นว่าหากศธ.มีกลไกที่แข็งแรงก็จะสามารถขับเคลื่อนการศึกษาในแนวทางที่เราต้องการได้

“วันนี้เราใช้วิกฤติมาเป็นโอกาส ให้ทุกคนเห็นแนวทางในการขับเคลื่อนการศึกษาอย่างไรก็ตามก่อนที่จะให้คนทั่วไปเห็นการขับเคลื่อน ผู้บริหารในกระทรวงจะต้องเห็นจะเข้าใจก่อนให้คนอื่นเห็นและเข้าใจ ซึ่งการศึกษายกกำลังสองไม่ได้มีอะไรมากมาย เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะกระจัดกระจายไม่ได้รวบรวมให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง และวันนี้ผมได้นำสิ่งที่เขาทำอยู่แล้วมาสร้างและเชื่อมโยงให้เป็นพลังอันหนึ่งอันเดียวกัน ให้ผู้บริหารเห็น เพื่อหวังว่าในอนาคตกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาจะเห็นภาพและเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ครั้งนี้ เราได้เห็นศักยภาพของผู้บริหาร ครู ผู้ปกครองและนักเรียน ถึงความร่วมมือร่วมใจกัน ถึงแม้ว่าจะยากลำบากก็สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ เราสามารถสร้างกลไกการขับเคลื่อนในการพัฒนาการศึกษาได้จริง ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทาย”นายณัฏฐพล กล่าวและว่า วันนี้เราได้เห็นยกกำลังสองเรื่องของสาระการเรียนรู้ ซึ่งเมื่อก่อนสาระการเรียนรู้จะผ่านตำราเรียน แต่วันนี้เห็นแล้วว่าสถานศึกษาที่เรียนไม่ได้ที่โรงเรียนอย่างเดียว แต่เป็นทั้งออนไซด์ ออนไลน์ และออนแอร์ ซึ่งเป็นการยกระดับสาระที่เห็นไม่ใช่เฉพาะตำราเรียน แต่สามารถค้นหาความรู้ที่ผสมผสาน ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกสาระไม่สามารถผ่านตำราเรียนอย่างเดียว     ซึ่งเราต้องปลดล้อคจากสิ่งที่เราทำอยู่

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า วันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นวันเปิดภาคเรียนตามปกติ แต่จะเป็นการเรียนการสอนแบบประสมประสานอย่างแน่นอน เพราะวันนี้เห็นแล้วว่าโรงเรียนโดยเฉพาะโรงเรียนขนาดใหญ่ไม่คล่องตัวในการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนที่มีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องนี้ตนให้อำนาจโรงเรียนตัดสินใจในแนวทางที่เห็นว่าเหมาะสม บางโรงเรียนอาจใช้เวลาสลับวันแบ่งช่วงชั้นกันมาเรียน บางโรงเรียนอาจจะมาเช้า-บ่าย หรือบางโรงเรียนอาจจะเรียนได้ตามปกติ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความยืดหยุ่นที่เราได้เห็น และเห็นว่าถ้าหากมีความยืดหยุ่นจริงๆต้องทำได้แน่นอน เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ที่สำคัญที่จะต้องตระหนัก  คือเรื่องโรงอาหารที่จะจัดให้เด็กเข้ามารับประมานอาหาร โรงเรียนจะต้องจัดให้นักเรียนเข้ารับประทานอาหารเป็นช่วง ๆ เพื่อทิ้งระยะห่างตามกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งโรงเรียนจะต้องไปคำนวณเวลาให้ดี

 

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments