เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2563 กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้จัดงานวันเด็กแห่งชาติ ปีที่ 65 ภายใต้ธีมงาน”Fun Thining&Doing”สนุกคิด สนุกทำ เพื่อมุ่งส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเป็น “คนเก่ง คนดี สามัคคี รู้จักหน้าที่ของตนเอง” ตามคำขวัญวันเด็กจากนายกรัฐมนตรี ประจำปี 2563 ที่ว่า”เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ และผู้บริหารองค์กรหลัก ข้าราชการ ศธ.ให้การต้อนรับ ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานว่า ตนได้มางานวันเด็กติดต่อกัน5-6 ปีแล้ว ได้เห็นความเติบโตของเด็กขึ้นเรื่อย ๆ และวันนี้เราจะส่งความรักและความปรารถนาดีร่วมกัน ไปยังเด็กและเยาวชนไทยทั่วประเทศเพราะเด็กและเยาวชนไทยทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีค่าซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า และเป็นกำลังของชาติในอนาคต เราต้องทำให้เด็กเข้มแข็งตั้งแต่วันนี้ ผู้ปกครองต้องส่งเสริมพรสรรค์ของเด็ก อย่าไปบังคับ ต้องเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง ต้องเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีต่อร่างกาย จิตใจ สติปัญญา คุณธรรม จริยธรรม อะไรดีก็ทำ อะไรไม่ดีก็อย่าไปทำ ซึ่งคำขวัญวันเด็กแห่งชาติปีนี้ตนคิดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งสำคัญ คือ การรู้รักสามัคคี ที่จะเกิดประโยชน์ต่างๆอีกมากมาย สังคมปลอดภัย ครอบครัวมีความสุข ไม่ทะเลาะกัน ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน ต้องรู้หน้าที่พลเมือง ทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง ตนขอให้คำขวัญนี้เป็นคำขวัญของทั้งเด็กและผู้ใหญ่พร้อมๆ กัน และที่สำคัญต้องรู้เท่าทันในโลกดิจิทัล คุณธรรม จริยธรรม ความรักสามัคคี ต้องเกิดในใจ ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นที่ใจตัวเอง ทำความดีด้วยหัวใจ หัวใจเป็นจิตอาสา ฝากครูอย่าสอนเด็กแบบท่องจำ ต้องสอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์เป็น เพราะวันนี้เราต้องกระตุ้นเด็กมากกว่าเดิมไม่ให้เป็นคนที่เฉื่อยชา ให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักประเทศประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตเพื่อเติบโตแข็งแรงเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า
สำหรับบรรรยากาศการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ของกระทรวงศึกษาธิการจัดอย่างยิ่งใหญ่ มีพ่อแม่และผู้ปกครอง ทยอยพาบุตรหลานเดินทางมาร่วมกิจกรรมวันเด็กเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น และรอยยิ้มของเด็กๆที่มีความสุขกับการได้มาเที่ยวในวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ โดยภายในงานแบ่งกิจกรรมสำหรับเด็กๆ ออกเป็น 3 โซน ประกอบด้วยโซนที่หนึ่งคือ พลเมืองเด็ก เป็นโซนกิจกรรมที่แสดงถึงความเฉลียวฉลาดของเด็กไทยยุคใหม่ที่มีความรัก ความสามัคคี รู้จักหน้าที่ของตนเอง และปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของสังคมได้อย่างถูกต้อง โซนที่สอง คือ เด็กยุคดิจิทัล เป็นโซนกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความทันสมัย การรู้จักใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อการเรียนรู้และการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และโซนที่สาม คือ เด็กรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นโซนกิจกรรมที่ให้เด็กและเยาวชนเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ทำกิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีหน่วยงานต่างๆจากภาครัฐเอกชนกว่า 100 หน่วยงาน มาร่วมจัดกิจกรรมสร้างความสุขสนุกสนานเพลิดเพลินให้เด็กได้เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และแจกของรางวัลมากกว่า 100,000 ชิ้น
นายณัฏฐพล กล่าวว่า วันนี้ตนเห็นพลังของเด็กในทุกรูปแบบ ขณะเดียวกันก็เป็นวันที่เด็กได้มาแสดงพลังของตัวเองให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ถึงความต้องการของเด็ก ซึ่งเป็นการสร้างความสนุกสนานในวันสำคัญของพวกเขา นายกฯก็ให้ความใส่ใจ ซึ่งคำขวัญวันเด็กปีนี้ก็เป็นคำขวัญที่นายกฯให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ทุกคนจะต้องรู้หน้าที่ของตัวเองและเป็นพลเมืองที่ดีและที่สำคัญต้องรู้รักสามัคคี ซึ่งสะท้อนกลับมาที่หลักสูตรที่จะต้องมีการปรับปรุงพัฒนาให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า และวันนี้ก็ได้มาพบปะกับสภานักเรียน ซึ่งเป็นตัวแทนของนักเรียนทั่วประเทศก็ได้เห็นความสามารถในการนำเสนอข้อคิดเห็นซึ่งเป็นปัญหาของโลก โดยประเทศไทยเองก็ต้องแก้ไขปัญหาของโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโลกร้อน ภาวะสิ่งแวดล้อม ขยะ บูลลี่-เฟกนิวส์ และเรื่องของการรังแกเด็กในโรงเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเด็กมีความคิดที่ไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นความท้าทายของรัฐบาลที่จะนำไปแก้ไข จะต้องมานั่งดูถึงความเหมาะสม บางเรื่องก็ต้องสนับสนุนงบประมาณ มาแก้ไขปัญหา เพราะเรื่องที่สภานักเรียนเสนอเป็นเรื่องที่เราคิดอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่มั่นใจว่าเรื่องไหนที่จะต้องผลักดัน และเรื่องไหนที่จะต้องทำร่วมกันกับกระทรวงอื่น
“ผมคิดว่าสภานักเรียนวันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของน้องๆในอนาคต ที่จะต้องนำไปเป็นตัวอย่าง และนี่คือสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการต้องการ”นายณัฏฐพล กล่าว
