ที่กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 9 ก.ค. นายชนธัณ อัศวฐานนท์ ประธานกลุ่มสุทธิต่อต้านคอรัปชั่นและศิษย์เก่าโรงเรียนวัดสุทธิวราราม พร้อมด้วย นายสหรัฐ ก้องเกียรติศักดิ์ ประธานสภานักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวราราม และนักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวรารามถึงความไม่โปร่งใสในการบริหารงานต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)โดยมีว่าที่ ร.ต.ธนุ วงศ์จินดา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน
นายชนธัณ กล่าวว่า เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ นายอารีย์ วีระเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม มารับตำแหน่ง ซึ่งตลอด 1 ปี มีการบริหารส่อในทางทุจริตอย่างมากมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกลุ่มต่อต้านคอรัปชั่นได้ส่งจดหมายเปิดผลึกถึงนายอารีย์ให้ออกมาแถลงการณ์และให้ชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดในการบริหาร หากไม่ผิดก็ให้นำเอกหลักฐานมาแสดงต่อหน้าสื่อมวลชน แต่นายอารีย์กับเพิกเฉย จึงเป็นที่มาที่ไปของการยกระดับความเคลื่อนไหว
“พวกผมยังไม่เคยยื่นหนังสือเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)เข้ามาตรวจสอบ เพราะมีสมาคมครูและผู้ปกครองได้ทำหนังสือร้องเรียนไปหลายหน่วยงานแล้ว ซึ่งสพฐ.ก็น่าจะได้รับเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังไม่มั่นในกระบวนการ การตรวจสอบของสพฐ.เพราะมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่เรื่องก็เงียบไปและผลที่ออกมายังไม่ชัดเจน พวกผมจึงไม่มีความมั่นใจในกระบวนการตรวจสอบ จึงออกมาเรียกร้องอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบการบริหารงานของผอ.โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เพราะมีหลายประเด็นที่สงสัยอยู่ เช่น เรื่องเงินอุดหนุนอุปกรณ์การเรียนที่โรงเรียนให้เป็นคูปองแทนที่จะเป็นเงินสด เรื่องคุณภาพของกระเป๋านักเรียนไม่เหมาะสมกับราคา เรื่องคู่เทียบในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และปัญหาคูปองในโรงอาหารและปัญหางบประมาณการจัดสอนพิเศษเพื่อสอบโอเน็ต เป็นต้น”นายชนธัณ กล่าว
นายปิยวัฒน์ นิตยกัญจน์ กรรมการนักเรียนวัดสุทธิวราราม กล่าวว่า สิ่งที่นักเรียนได้รับผลกระทบคือโรงเรียนให้นำคูปองไปแลกอุปกรณ์การเรียน ที่ไม่มีคุณภาพเช่นปากกาเมื่อนำมาใช้ได้ 2-3 วันก็เขียนไม่ออก กระเป๋าใช้ได้ 1 เดือนก็เกิดการสึกหรอ อีกทั้งสหกรณ์ร้านค้าตั้งแต่ผอ.คนนี้เข้ามาก็มาเปลี่ยนแปลงในสหกรณ์ร้านค้าขายของราคาสูงกว่าท้องตลาด ของกินขนมบางอย่างก็หมดอายุแล้วก็นำมาจำหน่าย เป็นต้น
ว่าที่ ร.ต.ธนุ กล่าวว่า เรื่องนี้ สพฐ.ไม่ได้นิ่งนอนใจและจะตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด เพราะสพฐ.ได้รับเรื่องร้องเรียนมามากพอสมควร และได้รับรายงานจากผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)กทม.เขต2 แล้วว่า เขตพื้นที่ฯได้ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วและค่อนข้างสอดคล้องกับเรื่องที่ร้องเรียนมา ซึ่งนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการได้ตระหนักในเรื่องที่ทุจริตเป็นอย่างมาก หากมีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริง สพฐ.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ดังนั้นเพื่อความสบายใจของทั้ง2ฝ่าย สพฐ.จะตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกเรื่องที่ทางกลุ่มได้ร้องเรียนมาอีกชุดหนึ่ง และระหว่างการสืบหาข้อเท็จจริงก็ให้สพม.กทม.เขต2 ย้ายผอ.วัดสุทธิมาปฏิบัติหน้าที่ ที่เขตพื้นที่ฯก่อน จนกว่าจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน
ด้านดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการกพฐ.กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง2 ฝ่าย เพราะเท่าที่ทราบผู้บริหารมาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม 3 คนแล้วที่บริหารโรงเรียนนี้ไม่ได้ ถูกเรื่องร้องเรียนมาตลอด เพราะสมัยก่อน ตอนที่ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการกพฐ.ก็เคยเป็นประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากมีปัญหาภายในโรงเรียน ดังนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง2ฝ่าย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก ใครทุจริตก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยอยู่แล้ว