เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 พล.ตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารศธ.ว่า สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า วิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในปีนี้สูงทุกสังกัด และมีคะแนนสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผู้บริหารศธ.มีการปรับเปลี่ยนและช่วยกันทำงานส่งผลให้คุณภาพการศึกษามีการพัฒนาที่ดีขึ้น ส่วนที่ยังไม่ดีขึ้นก็ต้องช่วยกันปรับปรุงและช่วยกันเติมเต็ม ซึ่งในส่วนของผลสอบโอเน็ต จะนำไปใช้ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งในส่วนของรายบุคคลและสถานศึกษา ซึ่งตนขอฝากผู้บริหารทุกคน ให้ร่วมกันสร้างวัฒนธรรมขององค์กรและให้คุณค่าในการประเมินผลโอเน็ต เพื่อวัดระดับการศึกษาของนักเรียน และนำผลมายกระดับคุณภาพสถานศึกษา

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่จะนำคะแนนโอเน็ต  ไปใช้ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือสอบเรียนต่อนั้น ถือเป็นอีกมิติหนึ่งในการนำคะแนนโอเน็ตไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งขอให้เป็นไปตามความสมัครใจ แต่ถ้าเมื่อนำเงินงบประมาณมาใช้แล้วผลการทดสอบต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เพราะโอเน็ตเป็นมาตรฐานกลาง ที่ต้องประเมินอยู่แล้ว หากใช้ประกอบในการคัดกรองหรือชี้ให้เห็นถึงความถนัดของเด็ก ก็จะช่วยในการเลือกสาขาในการเรียนได้ รวมถึงสถานศึกษาต่าง ๆ ที่อาจนำผลสอบโอเน็ตไปใช้ในการเข้าเรียนต่อชั้นม. และม.4 ซึ่งทุกอย่างขอให้เป็นไปโดยความสมัครใจ เพราะเราเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่การบังคับ ส่วนมาตรฐานข้อสอบนั้น ก็เชื่อว่ามีมาตรฐานและมีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมและขณะนี้มีการปรับปรุงให้อิงกับมาตรฐานการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติหรือ พิซ่า ที่ไม่ใช่การวัดความรู้ความจำเท่านั้น แต่เป็นการวัดการอ่าน และการคิดเชิงวิเคราะห์

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวอีกว่า  นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับรายงานการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษาเชิงระบบหรือTHAILAND Zero Dropout โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา  (สกศ.) รายงานผลการดำเนินงานการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษาเชิงระบบ โดยข้อมูลเด็กวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษา ณ 10 มีนาคม 2568 พบว่ามีเด็กนอกระบบการศึกษาจำนวน 1,025,514 คน  ติดตามแล้ว 980,588 คน คิดเป็น ร้อยละ 95.62 สามารถนำกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาในประเทศ 320,724 คน คิดเป็น ร้อยละ 31.27 และ ยังไม่ได้ติดตาม 44,926 คน คิดเป็น ร้อยละ 4.38การติดตามข้อมูลเด็กในวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษา ภาคบังคับ อายุ 6-15 ปี สามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ 73,744 คน คิดเป็นร้อยละ 16.65 ดังนั้น ตนจึงขอให้ติดตามเด็กกลับมาให้ได้มากที่สุด และอย่าให้หลุดจากระบบการศึกษาอีก และในปีการศึกษาหน้า ในเรื่องการติดตามเด็กน่าจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองในพื้นที่ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนติดตามให้ ส่วนครูมีหน้าที่สอนเพียงอย่างเดียว

“การาประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่ประสบภัยพิบัติ กรณีสถานการณ์อุทกภัยและโกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิงระเบิด จำนวน 10 โรงเรียน ในวงเงิน 1,985,151 บาท  และเห็นชอบแต่งตั้งนายวีระพงษ์  แพสุวรรณ ประธานคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.)และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสสวท. รวม 13 ราย

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments