“กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน ส่อปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะเคยมีหนังสือแจ้งขัดต่อพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ฯ 2560 ด้าน “องค์การค้าฯ” สวนกลับส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนต้องบอกเลิกสัญญา เจอ“รุ่งศิลป์”งัดหลักฐานฝ่ายผลิตเซ็นยอมรับสวน

เมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด ร่วมเสนอราคาร้องเรียนต่อ กมธ.ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร โดย กมธ.ป.ป.ช.ได้เชิญ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และ ผู้แทนบริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ในฐานะผู้ร้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง

นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ แจ้งว่าได้ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และยังมีคดีความที่ยังไม่สิ้นสุดอยู่ในชั้นศาล จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในการเข้าร่วมเสนอราคาของโครงการปี 2568 และได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องด้วย
ทางด้านผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีองค์การค้าฯกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายัง กรม บัญชีกลาง 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบการพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตาม โครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมบัญชีกลาง ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ)
“โดยหลักการแล้ว ไม่ว่าจะประกวดราคาโดยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมบัญชีกลางได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้ว แต่การที่หน่วยงานนำไปดำเนินการอย่างไร กรมบัญชีกลางก็อาจไม่รับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงนายธีรัจชัย ทำหน้าที่ประธานการประชุม กล่าวสรุปว่า กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ด้าน นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวเสริมว่า การประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30รายการ จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม โดยที่ยังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริง เพราะองค์การค้าของ สกสค.ประกาศเฉพาะผู้ชนะการประกวดราคา แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค. ก็มีในส่วนการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่ถูกร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้ารายเดียวในประเทศไทย
จากนั้น ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ แต่ถ้ากำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับเจ้าใดเจ้าหนึ่งในประเทศก็ถือว่า ล็อกสเปก เพราะอย่างน้อยต้องมี 3 ราย
ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ได้กล่าวยืนยันว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 ของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ส่งหนังสือไม่ทันตามกำหนด โดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงจำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา เพราะในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งมาภายหลังว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ หลังจากที่ผ่านไปเกินกว่า 20 วัน ดังนั้นจึงไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดในชั้นขององค์การค้าฯ แต่องค์การค้าฯก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือเรียนให้กับเด็กนักเรียน นอกจากนี้ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็มีการขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย
ซึ่งผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวนและบางส่วนชำรุดด้วย จึงได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ.