จากการประชุมผู้บริหารระดับสูงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ครั้งที่ 7/2568 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มอบให้สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สพฐ. สรุปจำนวนครูที่เขียนคำร้องขอย้ายในระบบการย้ายข้าราชการครูผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ( Teacher Rotation System : TRS) ซึ่งพบว่า ปีนี้มีครูขอยื่นในระบบจำนวนสูงขึ้น โดยที่ประชุมได้กำชับให้ สพร.ติดตามปัญหาในการยื่นผ่านระบบนี้ ซึ่งที่เป็นปัญหามาก คือ การอ่านผลงานครูที่ระบบยังไม่อ่าน เรื่องนี้ สพฐ.ก็พยายามหาวิธีรายงานให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ทราบและแก้ไข เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิ์ของครู นอกจากนี้สิ่งที่ สพฐ.มีความสนใจที่สุด คือ มีจำนวนครูยื่นผ่านระบบ 3.6 หมื่น แต่จะได้ย้ายจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งตัวเลขนี้จะเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของระบบได้
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมยังได้รับทราบความก้าวหน้า การประเมินวิทยฐานะผ่านระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) ซึ่งปีนี้มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษายื่นขอรับการประเมินมากถึง 2,156 คน แบ่งเป็น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 1,667 คน สำนักงานเขตพื้น ที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.)489 คน โดยมีผู้ผ่านการประเมินกว่า 80% หมายความว่า ส่วนใหญ่ผ่าน ขณะที่กลุ่มที่อาจจะมีปัญหายังไม่ผ่านส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มชำนาญการ และ เชี่ยวชาญ ซึ่ง สพฐ.จะได้วิเคราะห์ข้อมูล หาทางช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาของ สพฐ.มีความก้าวหน้าต่อไป
” ส่วน โครงการพาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง หรือ OBEC Zero Dropout นั้น ขณะนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 245 เขต ได้ดำเนินการค้นหาเด็กตกหล่นและเด็กออกกลางคันได้ ครบ 100% แล้ว ซึ่งสิ่งที่ต้องดำเนินการคือ พาน้องกลับเข้าระบบการศึกษา ตามนโยบายรัฐบาล และนโยบาย พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่หากน้องไม่กลับมาเรียน เราก็ต้องนำการเรียนไปให้น้อง โดย สพฐ.ได้เตรียมแนวทางดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง การเตรียมสื่อออนแฮนด์ การทำโรงเรียน “1 โรงเรียน 3 รูปแบบ” เพื่อการศึกษาที่ยืดหยุ่น , โรงเรียนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนมือถือ เป็นต้น ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว สพฐ.ดำเนินการตามนโยบาย รมว.ศึกษาธิการที่ย้ำว่า จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกคนต้องเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน“ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวและว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รายงานความคืบหน้าการเลื่อนเปิด-ปิด ภาคเรียน โดยยังคงให้เปิดเรียนวันที่ 16 พฤษภาคม เช่นเดิม แต่เลื่อนการปิดเทอมจากเดิม วันที่ 11 ตุลาคม เป็นวันที่ 30 กันยายน เพื่อให้สอดคล้องกับปีงบประมาณ โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ในปีการศึกษา 2569 ส่วนภาคเรียนที่ 2 ให้คงไว้เช่นเดิม