หยอก หยอก วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 *** วันนี้ขอเสนอคำว่า “ปากว่าตาขยิบ” แปลว่า พูดอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง เป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรทำกับใครอย่างยิ่ง เพราะความจริงใจจะทำให้คุณได้ใจและได้มิตร *** นานนับเดือนที่ “หยอก” ไม่มีเวลาเข้ามาทักทาย FC เพราะมัวแต่เดินสายทำงาน วันนี้พอมีเวลาก็เลยเข้ามาบอกข่าวแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันพอหอมปากหอมคอให้หายคิดถึง … เริ่มจากการบอกข่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการประกาศคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ว่างอยู่ 9 ตำแหน่ง และจะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่เหมะสมกับตำแหน่งในเร็ว ๆ นี้…แต่หยอกเชื่อว่าทุกตำแหน่งมีธงอยู่ในใจผู้มีอำนาจอยู่แล้ว … จะอะไรอย่างไงก็แล้วแต่ ขอแต่เพียงให้ได้คนที่เก่งครบเครื่องทั้งบู๊และบุ๋น มีทั้งพลกำลังและมันสมอง เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ถูกร้องเรียนฟ้องร้องให้เป็นคดีความ สมกับที่ได้พูดเน้นย้ำมาโดยตลอดถึงการทำงานที่โปร่งใส..ฮะฮะฮ่า *** มาพูดถึง ระบบ TRS หรือ Teacher Rotation System คือ ระบบการย้ายข้าราชการครูผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการส่งผ่าน จัดการและประมวลผลข้อมูลเพื่อใช้ในการพิจารณาย้ายครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีหลายพันคนสงสัยส่งข้อความมาถามหยอกว่า ระบบไม่อ่านผลงาน และ AI ตัดคุณสมบัติ เรื่องนี้ หยอก ได้สอบถาม รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา อดีตเลขาธิการ ก.ค.ศ.คนทำระบบ ที่ เสมา 1 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ ยังไม่ยอมให้ปล่อยมือจากเรื่องนี้ … ก็ได้คำชี้แจงว่า ที่ AI ไม่อ่านผลงาน เพราะไม่ได้นำเอาผลงานมาพิจารณาเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ แต่นี่เป็นเรื่องการย้าย AIจะอ่านเฉพาะเหตุผลที่ต้องการย้าย มีเหตุผลอะไรถึงอยากย้ายกลับบ้าน กลับไปดูแลพ่อแม่ เป็นต้น ส่วนกรณี AI ไม่อ่านคุณสมบัติ อาจเป็นยังไม่ถึงเกณฑ์การย้าย หรือ ติดเงื่อนไข เช่น เป็นนักเรียนทุนโครงการต่าง ๆ ซึ่งจะต้องอยู่ให้ครบตามเงื่อนไขสัญญา แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่ครูร้องมาก็ยินดีรับฟังและจะนำไปแก้ไข เพื่อให้ครูได้ย้ายอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม … แต่ระบบนี้จะกีดกันคนเก่งที่พ่อ แม่ เสียชีวิต แต่อยากกลับบ้านเกิดหรือไม่ … ก็น่าคิดอยู่นะ..อิอิอิ *** วันก่อน ผศ.ดร.อมลวรรณ  วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา ออกมาให้ข่าวว่า ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2567มีผลบังคับใช้แล้ว เปิดช่องให้บุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่ม รวมถึงบุคลาทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2)เข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ได้ ทำให้ข้าราชการ 38 ค.(2)ใจฟูขึ้นมาทันที เพราะเรียกร้องมากว่า 20 ปีแล้ว แต่ไม่มีอัตราตำแหน่งความเจริญก้าวหน้าในอาชีพเท่าที่ควรจะได้ตามเนื้องาน … แต่ก็ดีใจได้แค่ชั่วข้ามคืน เพราะมีคนรู้จริงทักท้วงว่า ถ้าจะได้ต้องผ่านขั้นตอนมากมายต้องทำผลงาน ต้องจบปริญญาโท จบบริหารการศึกษา ที่สำคัญต้องมีใบประกอบวิชาชีพครู ซึ่งหลายคนไม่มีหมดอายุแล้ว บางคนไปต่ออายุไม่ได้ เป็นต้น …ตอนนี้ก็มีพรายกระซิบหยอกมาว่า คุรุสภาได้ให้แกนนำแต่ละกลุ่มงานมาทำกรอบกันใหม่ ก็รอดูหน้าตากรอบใหม่ว่า 38 ค.(2)จะมีโอกาสตามที่เคยร้องขอหรือไม่…ไม่ใช่มอง 38 ค.(2)เป็นเพียงธุรการในสำนักงานเท่านั้น…ช่วยลุ้นเด้อจร้า***เรื่องสุดท้ายจะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่มีเด็กเป็นตัวประกัน นั่นก็คือ การพิมพ์หนังสือแบบเรียนองค์การค้าของ สกสค.ที่ถูกร้องแล้วร้องอีก ยกเลิกแล้วยกเลิกอีก และการยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ผ่านระบบ e-GP เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 ซึ่งมีผู้ยื่นเข้าประกวดราคาเพียงรายเดียว และต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2568 ได้ประกาศให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างพิมพ์ฯ ทั้ง 145 รายการ วงเงินกว่า 1 พันล้านบาท และเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ก็ประกาศยกเลิกฯและให้ดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมอีกครั้ง เพราะสังคมอาจมองว่า “เป็นการแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์” โดยล่าสุด(วันนี้)ก็ออกมาตีปี๊ปให้ข่าวว่าองค์การค้าสกสค.ได้ทำหนังสือเชิญชวนให้โรงพิมพ์ที่มีศักยภาพในการพิมพ์หนังสือแบบเรียนประจำปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1 พันล้านบาทต้น ๆ ด้วยวิธีการคัดเลือก โดยจะประกวดราคากันในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้…เฮ้อออ หยอก งง นะเนี่ย ถ้าคิดว่าเป็นการแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์ แล้วประกาศประกวดราคาผู้ชนะตั้งแต่แรกทำไม ทั้ง ๆ ที่ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็ออกมาเตือนแล้ว..งง เด้  หรือออกมาเพื่อให้เอเย่นต์หรือร้านค้าจำหน่ายหนังสือองค์การค้าฯสบายใจ..555 อุบ *** แต่ข่าวที่ บริษัทรุ่งศิลป์ฯทำหนังสืออุทธรณ์ ถึงกรมบัญชีกลาง เรื่องปกหนังสือ ก็ยังรอการวินิจฉัยอยู่…นะ *** ที่ว่ามานี่ หยอก เขียนตามลำดับเหตุการณ์ เอาไทม์ไลน์มาวิเคราะห์ ไม่ได้ตั้งแง่กับองค์การค้าสกสค. แต่ที่เล่ามาก็ด้วยความเป็นห่วงนักเรียนว่าจะได้รับหนังสือทันเปิดเทอมหรือเปล่า เพราะเมื่อปี 2567 ได้ข่าวมาว่าโรงเรียนยังได้รับหนังสือล่าช้า ซึ่งจริง ๆ แล้วโรงเรียนต้องได้รับหนังสือก่อนเปิดเทอมเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่บทเรียน เด็กไม่มีหนังสือเรียนแม้แต่ชั่วโมงเดียวก็ไม่สมควรเป็นเช่นนั้น แต่มีบางโรงเรียนที่ผู้บริหารเข้มแข็งก็จะไปซื้อหนังสือเรียนของเอกชน เพราะเขาไม่มีปัญหาในการพิมพ์หนังสือ *** ขอเถอะผู้ใหญ่ทะเลาะกันก็อย่าให้กระทบเด็กเลย เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ…เอวัง ***

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments