เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ (สัญจร) ครั้งที่ 5/2568 ผ่านระบบออนไลน์ โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ  เป็นประธานการประชุมฯ ณ ห้องประชุมบานบุรี โรงเรียนสตูลวิทยา จังหวัดสตูล โดยมีผู้บริหารองค์กรหลักและผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ร่วม ประชุม ว่า รมว.ศึกษาธิการขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยรณรงค์ให้เด็กเข้ามาสอบโอเน็ตมากขึ้น บางส่วนก็มีการวอร์คอินเพิ่มขึ้น แสดงถึงความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกกชน(สช.) และ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) เป็นอย่างดี  หากยังมีเด็กที่ต้องการสอบก็ต้องหาโอกาสให้เด็กได้สอบด้วยวิธีการต่าง ๆ ต่อไป

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้มีการรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA โดยในส่วนของ สพฐ.ได้จัดอบรมสร้างและพัฒนาข้อสอบวัดความฉลาดรู้ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในระดับเขตพื้นที่ 245 เขต 78 ห้องเรียน มีกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น 445,624 คน ลงทะเบียนแล้ว 209,484 คน อบรมแล้วเสร็จ 138,734 คน และได้ดำเนินการขยายผลการอบรมฯ สู่ สำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ จำนวน 52 โรงเรียน ส่วนการเตรียมความพร้อมการประเมินนักเรียน ระดับชั้น ม. 2 ในการนำผลมาพัฒนาเติมเต็มนักเรียน ภาคเรียนที่ 1/2568 จำนวนประมาณ 531,919 คน ระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์ – 17 มีนาคม 68 ผ่านทางออนไลน์ โดยใช้ชุดกิจกรรมมาพัฒนา ด้านการอ่าน ด้านคณิตศาสตร์ และด้านวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้มีปฏิทินการขับเคลื่อนฯ 2568 เช่น การชี้แจงเตรียมความพร้อมครู ม.4 ทบทวนครู ม.3 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568, การสร้างความตระหนักแก่ผู้บริหารและครู และผู้ปกครอง ในเดือนพฤษภาคม 2568, ซ้อมสอบ นักเรียน ม.2 ระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์ – 17 มีนาคม 68 ในระบบ PISA Style และนักเรียน ม.3 ระหว่างวันที่ 10 – 21 กุมภาพันธ์ 68 รูปแบบ PAPER และยังมีกำหนดจัด Computer Summer Camp 2025 ส่งเสริมการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียนรู้รูปแบบ Anywhere Anytime คาดว่าช่วงระหว่างเดือน มีนาคม – พฤษภาคม 2568

ส่วนสภาการศึกษา ได้นำเสนอประเด็นท้าทายการพัฒนาคุณภาพผลลัพธ์ ด้านความฉลาดรู้ทางดิจิทัล Digital Literacy ในการประเมิน PISA 2025 ซึ่งเด็กที่มีคะแนนวิชาคณิตศาสตร์สูง จะเรียนรู้ด้านดิจิทัลได้ดี ส่วนของไทยมีผลการวัดความฉลาดรู้ด้านดิจิทัล พบปัญหาด้านการใช้เครื่องมือดิจิทัล ดังนั้น ไทยจำเป็นต้องเร่งปฏิรูปหลักสูตรการศึกษา ให้หนุนเสริมความฉลาดรู้ด้านดิจิทัลของผู้เรียน ได้แก่

  1. ส่งเสริมการคิดเชิงคำนวณในระดับประถมศึกษา เน้นการคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การวางแผน การวิเคราะห์ข้อมูล การผลิตสื่อการเรียนที่น่าสนใจ เช่น โค้ดดิ้ง สะเต็ม
  2. การพัฒนาทักษะดิจิทัลรอบด้าน ไม่ใช่เน้นเฉพาะการแชร์ เช่น การใช้เครื่องมือ การจัดการข้อมูล การรักษาความปลอดภัยในโลกดิจิทัล
  3. จำเป็นต้องพัฒนาทักษะดิจิทัลแก่คนทุกช่วงวัย
  4. การนำ AI มาประยุกต์ใช้ เช่น การสอนเฉพาะรายบุคคล การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับแผนการสอนให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะตัว รายวิชาเรียนรู้ AI

นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับรายงานการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษาเชิงระบบ (THAILAND Zero Dropout) นั้น สกศ. รายงานผลการดำเนินงานการติดตามฯ พบว่า ข้อมูลเด็กวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษา ณ 27 มกราคา -3 กุมภาพันธ์ 68 จำนวนเด็กนอกระบบการศึกษา 1,025,514 คน  ติดตามแล้ว 881,085 คน (ร้อยละ 85.92) และสามารถนำเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษา 327,484 คน (ร้อยละ 31.93) ยังไม่ได้ติดตาม 144,429 คน (ร้อยละ 14.08) อย่างไรก็ตามสำหรับการติดตามเด็กวัยเรียนภาพรวมเพิ่มขึ้น 160,234 คน (สพฐ. 126,625 คน ศธจ. 33,609 คน) เป็นเด็กไทย 70,997 คน และเด็กต่างชาติ 89,237 คน

ส่วนเรื่อง การส่งเสริมการอ่าน สกศ. ได้รายงานแผนการสำรวจการอ่านของคนไทย ซึ่งการอ่านเป็นทักษะที่สะท้อนคุณภาพการศึกษา ทั้งยังเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการวัดความสามารถการแข่งขันทางการศึกษาระดับนานาชาติ เช่น PISA โดยจะจัดทำโครงการร่วมกับ สกร. สสช. เพื่อเก็บข้อมูลในระบบออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศ ก่อนจะรวบรวม วิเคราะห์ และสรุปผลให้แล้วเสร็จในเดือนมีนาคมนี้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างเคร่งครัด เร่งรัดกระบวนการทุกขั้นตอนตามกรอบเวลา และให้มีการติดตามเรื่องงบประมาณให้ครบทุกมิติ ทั้งเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ รวมถึงเงินกองทุนเพื่อให้ได้งบประมาณในส่วนอื่นๆมาเติมเต็มการจัดการศึกษา

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments