เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2568 ดร. อรรถพล สังขวาสี อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการศึกษาไทยในช่วงนี้ ว่า การศึกษาของไทย อาจเกิดช่องว่างในการศึกษาของ Gen Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนที่เกิดในช่วงปี 2010 เป็นต้นมา เยาวชน genนี้ จะเชื่อมโยงกับปัจจัยทางสังคม เทคโนโลยี และเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดช่องว่างในด้านต่าง ๆ ของการศึกษา เช่น: การเข้าถึงทรัพยากรการศึกษา ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ: เด็กบางกลุ่มอาจไม่ได้รับอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น แท็บเล็ต หรืออินเทอร์เน็ตที่เพียงพอสำหรับการเรียนออนไลน์ พื้นที่ห่างไกล: เด็กในชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลอาจประสบปัญหาในการเข้าถึงคุณภาพการศึกษาที่เท่าเทียมกับเด็กในเมือง การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ทั้งนี้ Gen Alpha เป็นกลุ่มที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่หากใช้เทคโนโลยีมากเกินไปอาจทำให้เด็กกลุ่มนี้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา หรือการสื่อสารแบบเผชิญหน้า เด็กบางคนอาจถูกกระตุ้นให้เรียนรู้จากสื่อดิจิทัลมากกว่าปฏิสัมพันธ์กับครูหรือเพื่อน รวมถึง ช่องว่างระหว่างทักษะที่สอนในโรงเรียนกับทักษะที่จำเป็นในโลกอนาคต อีกทั้ง ระบบการศึกษาไทยยังคง เน้นความรู้แบบดั้งเดิมที่อาจไม่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัล เช่น การเขียนโปรแกรม การคิดเชิงนวัตกรรม หรือทักษะความเข้าใจวัฒนธรรมหลากหลาย (Cultural Intelligence)และการขาดสมาธิและการจัดการเวลา การเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากผ่านโลกออนไลน์ อาจส่งผลต่อช่วงความสนใจ (Attention span) ที่สั้นลง ทำให้เด็กอาจขาดทักษะการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งและต่อเนื่อง
“การแก้ไขช่องว่างดังกล่าว สามารถทำได้โดยให้หน่วยงานที่จัดการศึกษา เร่งสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างทั่วถึง เช่น การส่งเสริมให้มีอินเตอร์เน็ตใช้ในสถานศึกษาให้ครอบคุลมพื้นที่ชนบท พื้นที่ห่างไกล การพัฒนาทักษะดิจิทัลให้เหมาะสมตามช่วงวัย การส่งเสริมให้เด็กใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและปลอดภัย ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาโดยเพิ่มวิชาและกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ตลอดจนการส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมผ่านกิจกรรมกลุ่มและการเรียนรู้ การลดช่องว่างการศึกษาใน Gen Alpha ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน จำเป็นต้องใช้ความร่วมมือจากทั้งผู้ปกครอง ครู และผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาการศึกษาที่ตอบโจทย์อนาคตจึงจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้”อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว