เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เปิดเผย ถึงการแต่งตั้งศึกษาธิการภาค(ศธภ.) ว่า ตนได้มอบหมายให้ ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ไปศึกษาว่าการไม่มีศึกษาธิการภาค กับการมีศึกษาธิการภาค มีผลกระทบกับงานมากน้อยเพียงไร
ด้าน ดร.สุเทพ กล่าวว่า ที่มาที่ไปที่ยังไม่ได้แต่งตั้งศึกษาธิการภาคตอนนี้ก็คือ สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้มีการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และนักวิชาการการศึกษาอิสระต่าง ๆ ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการและศึกษาธิการภาค มีลักษณะการทำงานที่ซ้ำซ้อนกัน ทำให้รัฐบาลสิ้นเปลืองงบประมาณ และกระทบต่อการกำหนดตำแหน่งต่าง ๆ ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการ โดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้มอบนโยบายให้ ตนไปศึกษาบริบทของศึกษาธิการภาค และผู้ตรวจราชการ ว่าสามารถที่จะดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการอย่างไร ซึ่งโดยบทบาทของผู้ตรวจราชการก็จะมีบทบาทในเรื่องการตรวจติดตาม กำกับ ให้คำแนะนำ ขณะที่ ศึกษาธิการภาค ก็จะมีบทบาทหน้าที่ในการขับเคลื่อนนโยบายในพื้นที่ในบริบทของภาค ดังนั้นเพื่อการศึกษาแนวทางในเรื่องของการปฏิวัติการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ก็จะมีการบูรณาการในการทำงานร่วมกัน โดยมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการมาปฎิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาคอีกหน้าที่หนึ่ง
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นผู้ตรวจราชการจะทำหน้าที่ในสองบทบาท คือ บทบาทของผู้ตรวจราชการและบทบาทศึกษาธิการภาค เนื่องจากพื้นที่ทั้งสองตำแหน่งเป็นพื้นที่เดียวกันทั้งหมด จึงได้รับการมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งสองบทบาทหน้าที่ในพื้นที่เดียวกัน อย่างไรก็ตาม สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ทำการศึกษาทั้งสองแนวทาง คือ เรื่องการแยกปฏิบัติหน้าที่ กับการบูรณาการทั้งสองหน้าที่รวมกัน ว่าจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการได้ดี หรือ มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน โดยขณะนี้การศึกษายังไม่เสร็จสิ้น เพราะอย่างน้อยต้องศึกษาไม่น้อยกว่า 1 ปีการศึกษา ถึงจะเห็นภาพ ซึ่งเราเพิ่งเริ่มศึกษาและดำเนินการเมื่อเทอมที่แล้ว จะสิ้นสุดปีการศึกษาก็ราว ๆ เดือนพฤษภาคม ก็น่าจะเห็นภาพชัดเจนว่าการศึกษาในแนวทางร่วมกันจะมีผลออกมาอย่างไร
“คุณลักษณะของงานในตำแหน่งทั้งสองหน่วยงานแตกต่างกันอยู่แล้ว ศึกษาธิการภาคจะเป็นหน่วยของการขับเคลื่อนนโยบายส่วนผู้ตรวจราชการจะเป็นการตรวจติดตาม กำกับ และให้คำแนะนำ แต่ถ้าเราเอาสองงานมารวมกันแล้วให้คนเดียวทำ ตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จะแตกต่างกันอย่างไรเมื่อมาบูรณาการกันแล้ว ก็ต้องมาดูผลการศึกษาว่ามันจะเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดีแล้วค่อยเอาผลมาสรุปอีกครั้งว่าจะยังคงมีศึกษาธิการภาคอยู่หรือไม่ จะแต่งตั้งศึกษาธิการภาคครบทั้ง 12 ตำแหน่ง หรือจะให้ผู้ตรวจราชการ 12 คน ทำหน้าที่ศึกษาธิการภาค ทั้ง 18 ภาค ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล ซึ่งคาดว่าในเดือนพฤษภาคมนี้ จะเห็นภาพที่ชัดเจน ถึงข้อสรุปว่าควรจะเดินไปในทิศทางไหนอย่างไร อย่างไรก็ตาม สำนักงานศึกษาธิการภาค และตำแหน่งของศึกษาธิการภาคยังไงก็ต้องคงไว้ เพราะมีรองศึกษาธิการภาคอยู่แล้ว เพียงแต่ตัวคนที่จะมาเป็นศึกษาธิการภาคจะเป็นผู้ตรวจราชการหรือว่าจะแยกเป็นศึกษาธิการภาคเหมือนเดิม ก็ขึ้นอยู่กับผลของการศึกษา ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป