เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 เรื่อง ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. …. ว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เสนอ
กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งขึ้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2566 โดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ มีสถานะเป็นนิติบุคคล และเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีภารกิจเกี่ยวกับการจัด ส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง การเรียนรู้เพื่อคุณวุฒิตามระดับ และการเรียนรู้ในรูปแบบอื่นที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน เพื่อให้บุคคลมีทักษะการเรียนรู้ทักษะอาชีพ ทักษะชีวิตที่สอดคล้องและ เท่าทันพัฒนาการของโลก และมีโอกาสพัฒนาหรือเพิ่มพูนทักษะของตนให้สูงขึ้นหรือปรับเปลี่ยนทักษะของตนตามความถนัดหรือความจำเป็น จึงกำหนดโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในกรม ออกเป็น 2 กลุ่ม 7 กอง ดังนี้
1) กลุ่มตรวจสอบภายใน
2) กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร
3) สำนักงานเลขานุการกรม
4) กองบริหารทรัพยากรบุคคล
5) กองมาตรฐานและส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อคุณวุฒิ
6) กองยุทธศาสตร์และแผนงาน
7) กองส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้
8) ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้
9) ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์
นายธนากร กล่าวต่อว่า หลังจากนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะแจ้งมติคณะรัฐมนตรีและส่งร่างกฎกระทรวงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนาม และประกาศในราชกิจจานุบกษา เพื่อให้มีผลใช้บังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน เมื่อกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการเรียนรู้ฯ มีผลใช้บังคับ กรมส่งเสริมการเรียนรู้จะเร่งดำเนินการเกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งของข้าราชการในส่วนราชการที่ปรากฏตามกฎกระทรวง โดยเสนอ อ.ก.พ. กระทรวง และสำนักงาน ก.พ. พิจารณาตามลำดับ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2568 หลังจากนั้นจะสามารถดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนสามัญทั้งระบบได้