เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงเหตุโศกนาฏกรรมรถบัสนักเรียนทัศนศึกษาไฟไหม้ ซึ่งเป็นนักเรียนจาก โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม หมู่ 5 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เขต 2 ซึ่งมีผู้โดยสารเป็นนักเรียน 39 คน ครู 6 คน รวม 45 คน ระหว่างเดินทางเข้ามาทัศนศึกษาใน จ.นนทบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย นักเรียนได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย และได้รับบาดเจ็บจากการช่วยเหลือเพื่อนอีก 1 ราย ว่า กระทรวงศึกษาธิการขอแสดงความเสียใจในเหตุโศกนาฎกรรมในครั้งนี้ ขอยืนยันว่า กระทรวงศึกษาธิการ จะดูแลครอบครัว ผู้ประสบเหตุ อย่างเต็มที่ ในส่วนของการเยียวยา ครู ที่เสียชีวิตทางคุรุสภาจะมีการเชิดชูเกียรติมอบรางวัลครูถิรคุณ ทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ที่ช่วยเหลือเด็ก รวม 6 คน ส่วนครูฝึกสอนจะมีการมอบเกียรติบัตรให้ด้วย ซึ่งบุคคลเหล่านี้ต้องได้รับการเชิดชู ส่วนการดูแลเรื่องของสุขภาพจิต ก็ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พ.ม.)เข้าไปดูแล พร้อมกันนี้จะมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ดูเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้เสียชีวิต โดยจะพิจารณาในเรื่องของเงินเดือนจะปรับขึ้นให้ตามกฎหมาย และให้เป็นเจ้าภาพหลักในการรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิต เป็นค่าปลงศพ เป็นทุนการศึกษา และช่วยเหลือบุพการีของผู้เสียชีวิต
พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวต่อไปว่า สำหรับประเด็นเรื่องการทัศนศึกษาของเด็ก ที่หลายฝ่ายถกกันอยู่ขณะนี้ ตนได้มีคำสั่งให้งดการจัดทัศนศึกษาทันทีไม่มีกำหนด ไม่จำเป็นไม่ต้องไป เด็กต่ำกว่า ป. 4 ให้ยกเลิกการเดินทางทัศนศึกษาต่างจังหวัดแต่หากโรงเรียนไหนที่มีความจำเป็นจะต้องไปทัศนศึกษาต้องดูเป็นกรณีไป แต่ต้องดูมาตรการดูแลความปลอดภัยครู เด็กนักเรียนให้ครอบคลุมในทุกมิติ ให้มีการวางแผน และต้องให้ผู้ปกครองไปด้วย อย่าไปไกลโรงเรียน อย่าให้เด็กต้องเดินทางเหนื่อยมาก อย่างไรก็ตาม การทัศนศึกษาก็มีความจำเป็นต่อการเรียนรู้ ถ้าหากยกเลิกทัศนศึกษาเลยก็จะเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของเด็กอายุการใช้งานของรถก็ไม่ควรเกิน 5 ปี ส่วนจะเป็นรถติดแก๊ส LPG หรือก๊าซ CNG ไม่ได้ห้าม ให้ดูที่สภาพรถเป็นหลัก รวมถึงต้องมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุทั้งครูและนักเรียน ประสานกรมการขนส่งให้เข้าตรวจสภาพรถ ยางรถ อุปกรณ์ต่างๆ ก่อนเดินทาง เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเราไม่อาจคาดคิดได้ ส่วนกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือยังมีความจำเป็น ยังคงให้มีอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ได้แสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อการสูญเสีย ซึ่งระหว่างการแถลงข่าวมีการสะอื้นเป็นระยะตลอดการแถลงข่าว โดยรมว.ศึกษาธิการได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ช่วยกัน เราจะไม่โทษใครผิดใครถูก อย่าซ้ำเติมกัน ขอให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจกัน ฟื้นฟูให้เด็กและครูเข็มแข็ง ส่วนเรื่องคดีให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้นเวลา 11.00 น.นายแทนคุณ จิตอิสระ และนางชลิดา พะละมาต์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เข้ายื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้พิจารณายกเลิก การจัดทัศนศึกษาของเด็กนักเรียน และกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อถอดบทเรียนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษาฯและโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ รับหนังสือ โดยนายแทนคุณ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นโศกนาฏกรรมอีกครั้งที่เจ็บปวดของประเทศไทย ในฐานะที่ทำงานด้านเด็กและเยาวชน จึงอยากให้ภาครัฐหามาตรการเร่งรัดและล้อมกรอบด้านความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยเฉพาะชีวิตและทรัพย์สินเด็กและเยาวชน การมายื่นหนังสือครั้งนี้ ต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการทบทวนความจำเป็นในการจัดทัศนศึกษาให้กับเด็กเล็ก อนุบาล 1 ถึง ป.2 ที่ต้องรอบคอบระมัดระวังที่สุด เนื่องจากยังไม่มีมาตรการฝึกฝนทักษะการเอาตัวรอดอย่างจริงจัง รวมถึงการใช้รถใช้ถนนที่จะต้องระมัดระวัง และมีการวางโครงสร้างอย่างเป็นระบบ ควรให้มีการจัดระเบียบรถโดยสารเด็ก เช่นการติดไฟรอบตัวรถ เพื่อให้สังเกตุได้ว่ามีเด็กนักเรียนอยู่เหมือนรถรับส่งนักเรียน และมีสีรถที่เป็นสัญลักษณ์ที่แตกออกไป และให้พิจารณาแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นก่อน ซึ่งจะช่วยลดเหตุและมีความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ ยังขอให้ ศธ.ตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างจริงจัง ไม่อยากให้มีการจัดกิจกรรมเพื่อแลกกับเงินทอน หรือเพื่อใช้งบประมาณให้หมด รวมถึงการตรวจสอบสภาพรถ ทำไมถึงยังใช้รถเก่าวิ่งให้บริการได้
นางชลิดา กล่าวว่า มีผู้ปกครองร้องเรียนมาทางมูลนิธิเป็นจำนวนมาก เรื่องการเข้าค่ายลูกเสือ จึงอยากเรียกร้องว่าสามารถย้ายจัดกิจกรรมภายในโรงเรียนได้ไหม เพื่อให้ผู้ปกครองมาดูได้
ด้าน นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ขอบคุณที่ทางมูลนิธิฯ มีความห่วงใยและตระหนักถึงความสำคัญ เราในฐานะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ และพ่อแม่ของเด็ก เหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งงดกิจกรรมทัศนศึกษาอย่างไม่มีกำหนด และเด็กต่ำกว่า ป.4 ห้ามเดินทางออกต่างจังหวัด แต่กรณีถ้าจำเป็นในการเดินทาง ต้องมีผู้ปกครองไปดูแลด้วยตลอดระยะเวลาเดินทาง รวมถึงต้องมีมาตรการตรวจสอบคุณภาพรถก่อนออกเดินทาง นอกจากนี้ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดมาตรการและมาตรฐาน ทั้งเรื่องรถนำขบวน ผู้ดูแล ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ซึ่งต้องยอมรับที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการอาจมีบางประเด็นที่หละหลวม และยังไม่ได้รับการยอมรับจากสหวิชาชีพ ซึ่ง กระทรวงฯจะร่วมมือกับทุกหน่วยงาน เพื่อวางมาตรการให้เกิดความปลอดภัยกับนักเรียนมากที่สุด