เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2567 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และมอบนโยบาย ที่ โรงเรียนบ้านนาจาน อำเภอพิบูลมังสาหาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)อุบลราชธานีเขต 3 โรงเรียนบ้านไร่ อ.ศรีเมืองใหม่ และ โรงเรียนอนุบาลกุดข้าวปุ้น (ศาสนานุเคราะห์) อำเภอตระการพืชผล สพป.อุบลราชธานีเขต 2 โดย นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า วันที่ 12-13 กันยายน 2567 คณะรัฐมนตรีชุดใหม่นำโดยนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการยังคงเป็นพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ และ ตน นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ก็ยังเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับการมาตรวจเยี่ยมสถานศึกษาในจังหวัดอุบลราชธานีวันนี้ได้มีกำหนดการก่อนหน้านี้แล้ว แต่ด้วยเหตุที่จะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณจึงได้เลื่อนมาเป็นวันนี้ ทั้งนี้เพื่อมารับฟังปัญหา และ มาดูการขับเคลื่อนนโยบายหนึ่งปีที่ผ่านมาได้บรรลุตามวัตถุประสงค์หรือไม่ โดยเฉพาะนโยบายภายใต้ มอตโต้ “เรียนดี มีความสุข” ทำไปแล้วมีข้อสงสัยอะไรหรือไม่
“1 ปีที่ผ่าน กระทรวงศึกษาธิการ ได้ยกเลิกเวรครู จ้างนักการภารโรง และ เงินอุดหนุนอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนขยายโอกาส ม. 1 ถึง ม. 3 โดยจะได้รับเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันทุกคน ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะมาถึงจุดนี้ ถ้าทำได้ง่ายเขาคงทำกันไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยมาให้พวกเราทำ ต้องขอบคุณอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่ช่วยผลักดันและให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการในหลาย ๆ เรื่อง เพราะเข้าใจดีว่าครูมีภาระมาก ตั้งแต่เริ่มบรรจุรับราชการ ก็มีภาระในการดำเนินชีวิต กระทรวงศึกษาธิการก็ได้มีนโยบายในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา หนี้สินครูมาโดยตลอดช่วยเจรจาให้สถาบันการเงินลดดอกเบี้ยเงินกู้ และสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการกำลังดำเนินการ คือ ให้ครูไปชอปปิ้งเลือกดอกเบี้ยที่ถูก ให้ครูสามารถกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดใดก็ได้ ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่าสหกรณ์ที่ตัวเองเป็นสมาชิกในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่จะเกิดการแข่งขันลดดอกเบี้ยให้กับครู อย่างน้อยดอกเบี้ยที่ต่างกัน 1% หรือ 1. 5% ก็ทำให้ชีวิตของครูดีขึ้น ครูสามารถกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดได้ทั่วประเทศ“นายสุรศักดิ์ กล่าว
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า พลตำรวจเอกเพิ่มพูน บอกตลอดว่า การโยกย้ายจะต้องไม่มีผลประโยชน์ เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าที่ไหนพูดคุยกันเรื่องผลประโยชน์ในการโยกย้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะไม่ยอมโดยเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ถ้าย้ายต้องคิดกันเป็นกิโลเท่าไหร่ซึ่งตนก็เคยได้ยินมา ไม่รู้ว่ายุคนี้หมดไปหรือยัง การโยกย้ายไม่อยากให้มีผลประโยชน์มาแลกเปลี่ยน เพราะนโยบายกระทรวงศึกษาธิการต้องการให้ย้ายกลับบ้าน ครูคืนถิ่น อยากให้กลับบ้าน ไม่อยากให้ใครอยู่ไกลบ้าน รัฐมนตรีอยากให้กำลังใจและเป็นการลดภาระด้วย
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า พลตำรวจเอก เพิ่มพูน เคยมีนโยบายเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) จะเป็นรูปธรรมในปี 2568 เนื่องจาก ปี 2567 เราไม่สามารถตั้งงบประมาณได้ เพราะเราเข้ามาตอนที่เขาตั้งงบฯเรียบร้อยมาแล้ว แต่ตอนนี้ ปี 2568 เรื่องทำแอพพลิเคชั่น การทำคอนเทนท์ การทำระบบคลาวด์ ที่จะให้ครูใช้ในการสอน ให้นักเรียนใช้ในการเรียน การแจกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อป โน้ตบุก โฮมบุก หรือ iPad หรือ แท็บเล็ต ก็ตามอุปกรณ์เหล่านี้ต้องยอมรับว่ามีส่วนสำคัญในการเรียนการสอน เพราะวันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างเร็วมาก โลกก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่เคยรวดเร็วอย่างนี้มาก่อน สิ่งที่เคยสอนในเทอมนี้เทอมหน้าอาจจะไม่ต้องเรียนแล้วก็ได้ ตอนผมเข้ามาใหม่ ๆ เรียน Coding ตอนนี้อาจจะได้เรียนทั้ง Coding และ ต้องเรียน AI เพราะมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นบุคลากรการศึกษาก็มีความจำเป็นซึ่งเราก็ได้รับเกียรติการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีด้านศึกษาอาเซียน ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ที่จังหวัดบุรีรัมย์จนเป็นที่ยอมรับว่าการจัดประชุมครั้งนี้ประเทศไทยจัดได้ยิ่งใหญ่และสมเกียรติมากจนหลายประเทศชื่นชมว่า ประเทศไทยจัดได้เกินมาตรฐานไปแล้วเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการจัดประชุมของผู้นำด้านการศึกษาของอาเซียน
“ในการประชุมดังกล่าวซึ่งรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียนได้มารวมตัวกัน จึงได้มีการแลกเปลี่ยนเรื่องของเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของโลก การใช้เทคโนโลยีที่จะต้องมารองรับการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่จำเป็น ที่เราจะต้องปรับตัว ครูทุกคนจะต้องเป็นต้นแบบ เป็นไอดอลของเด็ก เด็กที่จะต้องใช้เทคโนโลยีผู้ปกครองจะต้องมีส่วนในการช่วยกันดูแล นโยบาย Anywhere Anytime ต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา ครูก็ต้องสอนได้ทุกที่ ครูไม่ครบชั้นก็ต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วย”นายสุรศักดิ์กล่าว