เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2567 นายภกร รงค์นพรัตน์ รองผู้อำนวยการองค์การค้า ของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าฯต่อพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ขอให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างการจัดพิมพ์หนังสือเรียน ว่าดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น องค์การค้าฯ ยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และระเบียบของกรมบัญชีกลาง โดยปีนี้ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีการตรวจต้นฉบับเนื้อหาหนังสือแบบเรียน และส่งให้ทางองค์การค้า ค่อนข้างล่าช้ากว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถใช้วิธีประกวดราคาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-biddingได้ทัน เนื่องจากเหลือเวลาในการดำเนินการเพียง 55 วัน ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการประกวดราคาด้วยการคัดเลือก โดยได้เชิญ 19 โรงพิมพ์เข้าร่วมประกวดราคา ทั้งนี้เนื่องจากเราต้องส่งหนังสือถึงโรงเรียนให้ทันก่อนเปิดภาคเรียน ในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ และเพื่อให้เด็กได้ใช้หนังสือที่มีคุณภาพ ไม่เสียโอกาสในการเรียนรู้ มีความต่อเนื่อง เพราะตำราเรียนแต่ละสำนักพิมพ์จะมีการเรียบเรียงที่ไม่เหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ร้องว่าในTOR ข้อ 8.2 กำหนดให้ผู้ยื่นประกวดราคายื่นเสนอราคาได้จำนวน 1 รายการ ของแต่ละกลุ่มที่กำหนดในข้อ 8.1 ถือเป็นการจำกัดสิทธิของผู้เสนอราคา นายภกร กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้สอบถามคณะกรรมการจัดทำTOR แล้วได้ความว่า เนื่องจากแต่ละกลุ่มหรือ 1 รายการจะมีหนังสือประมาณ 4-5 รายวิชา บางกลุ่มงบประมาณ70-80 ล้านบาท และเรื่องนี้คณะกรรมการจัดทำTORก็สอบถามกรมบัญชีกลางแล้วว่าตามระเบียบสามารถกำหนดได้ ขณะที่องค์การค้าฯเกรงว่าโรงพิมพ์จะพิมพ์หนังสือเสร็จไม่ทันกำหนดเวลาด้วยจึงอยากกระจายไปหลาย ๆ โรงพิมพ์เพื่อให้พิมพ์หนังสือเรียนได้ทัน ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น และที่เชิญโรงพิมพ์ทั้ง 19 โรงพิมพ์มาเสนอราคา ก็เป็นโรงพิมพ์ของรัฐ 4 โรง อีก 15 โรงเป็นโรงพิมพ์เอกชนที่เคยขึ้นทะเบียนกับองค์การค้าฯ ส่วนสาเหตุที่เชิญเฉพาะโรงพิมพ์ที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การค้า เพราะเห็นแล้วว่ามีศักยภาพจัดพิมพ์หนังสือเรียนได้ทันตามกำหนด ป้องกันความเสียหาย และทุกรายจะต้องมาแข่งขันประกวดราคากันตามที่กำหนดไว้ 30 กลุ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้ง และครั้งนี้ไม่ได้มีการวางเงินค้ำประกัน ที่อยู่ประมาณ 40 ล้านบาท ก็เพื่อไม่ให้เป็นการกีดกันโรงพิมพ์ขนาดเล็ก ดังนั้นครั้งนี้จะใช้ราคาเป็นหลัก ใครเสนอราคาต่ำสุดคนนั้นได้ เพราะระยะเวลาการจัดพิมพ์เหลือเพียง 55 วัน หากไม่สามารถจัดพิมพ์ได้ทันตามกำหนดจะต้องเสียค่าปรับ 0.2% ของจำนวนหนังสือที่ไม่ได้จัดส่งซึ่งถือว่าน้อยมาก ถ้าโรงพิมพ์ไหนพิมพ์ไม่ทันต้องเสียค่าปรับ มันก็ไม่คุ้มค่ากับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก
“เมื่อเปรียบเทียบราคาหนังสือเรียนขององค์การค้าหน้าต่อหน้า กับราคาในท้องตลาดถือว่า มีราคาถูกกว่าที่อื่น และหากเด็กได้ใช้หนังสือจากองค์การค้า ที่มาจากสพฐ. และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) โดยตรง เชื่อว่าจะทำให้ทุนมนุษย์มีความฉลาดตั้งแต่เด็ก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ ทั้งหมดนี้ เป็นสาเหตุสำคัญที่องค์การค้าต้องการกระจายหนังสือให้ได้มากที่สุด ส่วนที่ว่าองค์การค้ามีการเปลี่ยนแปลงสเป็คกระดาษ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใครนั้น จริง ๆ แล้วกระดาษสเป็คนี้ใช้มา 2-3 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในTOR ฝ่ายธุรการพิมพ์เอกสารผิด ซึ่งผมก็ได้ให้แก้ไขสเปคกระดาษในTOR จากที่กำหนดให้ใช้กระดาษที่สกปรกมีค่า Dirt มากกว่า 100 ppm มาเป็น น้อยกว่า 100 ppm แล้ว และในTOR ก็ไม่ได้กำหนดให้ต้องใช้กระดาษจากบริษัทไหน โรงพิมพ์ที่ประมูลผ่านสามารถซื้อกระดาษกับเจ้าใดก็ได้” นายภกร กล่าว