เมื่อวันที่ 5 มกราคม ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า รองผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 55 จังหวัดตาก กระทำการอนาจาร ลวนลาม ล่อลวง ขืนใจ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับนักเรียน นั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับทราบข้อมูลจากศูนย์ความปลอดภัย และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) เบื้องต้น สพฐ.ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ รับทราบแล้ว โดย รมว.ศึกษาธิการ และรมช.ศึกษาธิการ ได้สั่งการให้สพฐ.ดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นเรื่องที่ครูกระทำต่อนักเรียน ซึ่งนโยบายของศธ. เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง และเคยแจ้งเป็นแนวปฏิบัติไปแล้ว ว่า ถ้าครูและบุคลากรทางการศึกษากระทำความไม่เหมาะสมกับนักเรียน ต้องนำเนินการตรวจสอบและลงโทษอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว
“เรื่องนี้ สพฐ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมได้ออกคำสั่งให้รองผู้อำนวยการรายดังกล่าว มาประจำอยู่ที่สพฐ. เพื่อให้ออกนอกพื้นที่ไว้ก่อน หากปล่อยให้อยู่ในพื้นที่เกรงว่าจะเป็นอุปสรรคในการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันก็ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามขั้นตอนทางวินัย อย่างไรก็ตามในส่วนของโรงเรียนได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไปแล้วชั้นหนึ่ง แต่เพื่อความรอบคอบเพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจ สพฐ.จึงได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอีกชุดหนึ่ง หากพบว่ามีมูล ก็ต้องถูกลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง คือ ปลดออก หรือไล่ออกสถานเดียว ซึ่งผมได้สืบสวนข้อเท็จจริงและให้รู้ผลการสอบภายใน 7 วัน “เลขาธิการ กพฐ.กล่าว ทั้งนี้หากพบว่ามีมูลความผิดจริง ก็จะแจ้งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาทันที เพื่อไม่ให้มีสิทธิเป็นผู้บริหารอีกชั้นหนึ่งเพราะเท่าที่ดูหลักฐานเบื้องต้น ค่อนข้างชัดเจน แต่เพื่อความถูกต้องตามกระบวนการทางวินัย ก็ต้องลงไปสอบสวนในพื้นที่อีกครั้ง เพื่อให้เกิดความรอบคอบ เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเป็นไปตามหลักเกณฑ์
ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวต่อไปว่า ส่วนสภาพจิตใจของเด็กนั้น สพฐ.ได้ส่งนักจิตวิทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงไปเยียวยาสภาพจิตใจ เพื่อให้นักเรียนรู้สึกว่ามีความปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองสิทธิ ส่วนนักเรียนที่ลาออกไปแล้ว ก็ได้กำชับให้ผู้อำนวยการสศศ. และทีมนิติกรลงไปดูแลตรวจสอบเชิงลึก ว่าที่ผ่านมามีการข่มขู่ ทำให้เด็กไม่กล้าให้ข้อมูลหรือไม่ รวมถึงจะเชิญนักเรียนที่ลาออกไปแล้วมาให้ข้อมูล และเป็นพยานในการสืบสวนฯในครั้งนี้ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม โดยข้อเท็จจริงสพฐ. มีมาตรการเชิงป้องกันปราบปรามและให้ความรู้ พัฒนาเรื่องคุณธรรมจริยธรรมครูและบุคลากรทางการศึกษาอยู่ทุกปี แต่ด้วยเพราะสพฐ. มีบุคลากรจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยเมื่อทราบข่าวก็เร่งแก้ปัญหาทันทีเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับผู้อื่น รวมถึงให้เห็นว่า ศธ. โดยสพฐ.เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ หากตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นเรื่องจริงก็จะได้รับการลงโทษอย่างร้ายแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยหรือไม่ ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวว่า หากสืบสวนแล้ว พบว่ามีส่วนช่วยเหลือหรือปกปิดความผิด ก็อาจะต้องดำเนินการตามระเบียบกฎหมายฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะถือว่ารู้เรื่อง แต่ไม่ดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย ปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ผู้อำนวยการโรงเรียนก็อาจจะต้องรับผิด ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นต้น