ดร.อรรถพล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตนได้ให้นโยบายการบริหารงานภายในกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.)แก่ ดร.ปรเมศวร์ ศิริรัตน์ รองอธิบดี สกร.และว่าที่เรือตรีชูชีพ อรุณเหลือง รองอธิบดี สกร. ว่าให้ไปศึกษารายละเอียดของพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ.2566 เพื่อวางแผนการขับเคลื่อนงานให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.สกร. อยากให้ไปดูว่า เจตนารมณ์ของพ.ร.บ. ส่งเสริมการเรียนรู้ เขียนไว้ว่าอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ศูนย์การเรียนรู้ต่าง ๆ ที่อยู่รอบนอก ในพ.ร.บ.ต้องการให้เป็นสถานศึกษา หรือเป็นห้องเรียน ขณะเดียวก็ให้ไปจัดระเบียบภายในให้เรียบร้อยเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่สังคมและสามารถตอบคำถามของสังคมได้ว่า สกร. เป็นหน่วยงานที่ทำการศึกษาตามอัธยาศัยและการศึกษานอกระบบเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังให้ไปดูเรื่องขวัญกำลังใจบุคลากรในระดับพื้นที่ว่าขณะนี้โครงสร้างที่ขอไปยังสำนักงบประมาณเรียบร้อยแล้วหรือยังและสุดท้ายการใช้จ่ายงบประมาณก็ให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสตามวัตถุประสงค์สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงเรื่องเงินเดือนที่จะลงไปที่ สกร. จังหวัดด้วย
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เวลานี้เราต้องอาศัยความร่วมมือจากชาว สกร.เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านจาก กศน.มาสู่ สกร. ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังได้กำชับถึงเรื่องถึงการจัดซื้อหนังสือของ สกร.ว่า ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของงบประมาณอะไรที่เกี่ยวข้องกับเด็กก็ให้ถึงเด็ก อะไรที่เกี่ยวกับโครงสร้างหรือครูหรือบุคลากรอื่น ๆ ก็ต้องให้เป็นไปตามนั้น สำหรับการ ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงนั้น คงต้องตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อทำงานต่อ ซึ่งตนกำลังหารือฝ่ายกฎหมายว่า ผู้ที่ถูกระบุชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการใน 4-5 ประเด็นที่กรรมการสืบข้อเท็จจริงชุดก่อนระบุว่ามีมูลความผิดจะเสนอให้สืบข้อเท็จจริงไปพร้อมกับภาพรวมใหญ่หรือไม่ เพราะหากแยกสืบสวนฯเกรงว่าทิศทางการสืบสวนจะไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
“เรื่องนี้ ผมได้รายงาน ศ.กิตติคุณวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และน.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับทราบเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนจากนี้ก็จะเตรียมตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ในประเด็นที่ยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมทั้งกรณี การจัดกีฬากศน. เกมส์ การจัดทำโพลในช่วงการเลือกตั้ง ส.ส. และตรวจสอบข้อเท็จจริงการดำเนิน โครงการสานพลังการเรียนรู้สู่ภูมิภาคทั้ง 5 จังหวัด ซึ่งเป็นการใช้งบจังหวัดละ 4 ล้านบาท เป็นการจัดอีเว้นท์ รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท หากพบว่า มีมูลผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา ก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า จะดำเนินการตรวจสอบฯ อย่างโปร่งใส เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” ดร.อรรถพล กล่าว