ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)เวลา 11.30 น.วันที่ 31 สิงหาคม 2566 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารระดับสูงและข้าราชการศธ. ร่วมพิธีอำลาตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ โดยน.ส.ตรีนุช กล่าวว่า คงไม่มีใครทราบว่า ตนเป็นส.ส.มา 6 สมัยแล้ว และครั้งหนึ่งในชีวิตข้าราชการการเมือง แน่นอนว่าต้องมีความใฝ่ฝันอยากเป็นรัฐมนตรี กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง และจำได้ว่า ได้เข้ามาทำงานการเมืองตอนอายุ 37 ปี มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงนั้น เมื่อมองกระทรวงศึกษาธิการ แล้วมีความรู้สึกหมั่นเคี้ยว อยากเห็นการศึกษาพัฒนาไปมากกว่านี้ เลยคิดเล่นๆ ว่า ศธ. เป็นกระทรวงหนึ่งที่อยากมาอยู่ ก็ไม่คิดว่า วันหนึ่งจะได้เข้ามาในตำแหน่งนี้จริง ๆ ซึ่งมีทั้งความดีใจและความกังวล เพราะต้องมารับความคาดหวัง ต้องเข้ามาดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน แต่ก็ด้วยความเป็นแม่ ก็คิดว่าเป็นโอกาสที่ดีในชีวิต จึงตั้งใจนับแต่นั้นมาว่าจะทำงานให้ดีที่สุด และถือว่าโชคดีมากที่ได้มาทำงานร่วมกับคุณหญิงกัลยา ซึ่งถือเป็นกัลยาณมิตรที่ดี เช่นเดียวกันนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการศธ. แม้จะไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ถือที่ผ่านมาเป็นทีมที่ได้ช่วยพัฒนาการจัดการศึกษามาด้วยกันตลอด
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อไปว่า การได้มาทำงานที่ ศธ.ถือเป็นช่วงที่ท้าทาย เพราะอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยอมรับว่า เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณผู้บริหารทุกคนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สิ่งหนึ่งที่ได้เห็นคือ การบูรณาการการทำงานร่วมกัน เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ได้เห็นความมุ่งมั่นในการทำงานในหลายเรื่อง ทำให้ 2 ปี 4 เดือน ที่ได้ดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ แม้จะหนัก แต่ก็มีความสุขมากที่ได้มีโอกาสทำงานกับทุกคน อยากบอกว่า ดิฉันเอง เป็นนักการเมือง เรามาแล้วก็ไปไม่มีใครอยู่ถาวร แต่บ้านหลังนี้ เป็นของข้าราชการทุกคน ที่ต้องอยู่ยาวนาน ขอให้ทุกคนได้ยึดหลักธรรมาภิบาล ความถูกต้อง เพื่อให้ศธ. มีความมั่นคง ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ ในการทำงานให้เยาวชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรให้รัฐมนตรีว่าการศธ. คนใหม่สานต่อในเรื่องใดบ้าง น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า การพัฒนาการจัดการศึกษาของประเทศ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะในสภาวะที่โลกมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา ตนและคุณหญิงกัลยา มีโอกาสได้ทำในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในมิติด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ศธ.เป็นกระทรวงแม่ลูกดก มีโรงเรียนในกำกับที่ต้องดูแลกว่า 3 หมื่นโรงเรียน งบประมาณส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในเรื่องบุคคลกร ส่งผลให้งบพัฒนาคุณภาพการศึกษามีน้อย ดังนั้นจึงเป็นโจทย์สำคัญว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ มีการพัฒนาครู ทันต่อการเปลี่ยนแปลงบริบทของโลก และประเทศ ขณะเดียวกันก็มีเด็กเก่งที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศจำนวนมาก แต่ก็ยังมีช่องว่าง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลพยายามเติมเต็ม เพื่อลดช่องว่าง และให้โอกาสทางการศึกษากับเด็กและเยาวชนให้มากขึ้น รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจ ดูแลให้ความเป็นธรรมกับบุคลกร แก้ปัญหาเด็กตกหล่น ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ตนและรัฐบาลไม่เคยทอดทั้ง ดังนั้น จึงอยากฝากให้รัฐมนตรีว่าการศธ. คนใหม่ เข้ามาช่วยสานต่อ เพื่อช่วยพัฒนาการจัดการศึกษาให้รอบด้านมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป
“กระทรวงศึกษาธิการ เป็นกระทรวงที่มีโครงสร้างใหญ่และมีบุคคลากรจำนวนมาก เพราะฉะนั้น การพัฒนา โดยเฉพาะการพัฒนาครูจึงเป็นหัวใจสำคัญ ส่วนตัวเชื่อมั่นในศักยภาพ และประสบการณ์ของรัฐมนตรีว่าการศธ. และรัฐมนตรีช่วยว่าการศธ. คนใหม่ ว่าจะเข้ามาทำงานในส่วนนี้ได้ จากนี้คงต้องเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีว่าการศธ.คนใหม่เข้ามาทำงาน ซึ่งเรื่องเร่งด่วนคง เป็นเรื่องบุคลากร ที่ต้องสร้างการรับรู้ เพื่อให้เด็กเยาวชน มีความยึดมั่นในเรื่องของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ยึดมั่นต่อความเป็นไทย ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ ”น.ส.ตรีนุช กล่าวทิ้งท้าย
ด้านคุณหญิงกัลยา กล่าวว่า ตนรู้สึกมีบุญที่ได้มาทำงานที่ศธ. มาทำงานร่วมกับน.ส.ตรีนุช ซึ่งเป็นน้องสาวที่น่ารัก สิ่งที่อยากฝากให้ทุกคนได้ช่วยกันผลักดันต่อเนื่องมี 3 เรื่อง คือ การพัฒนาเรื่องโค้ดดิ้ง เรื่องวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี โดย 2 เรื่องนี้จะเป็นภูมิคุ้มกันให้กับเด็กสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ขณะเดียวกันอยากให้สานต่อเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ตามหลักสูตรชลกร ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะเป็นประโยชน์กับชุมชนทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ขอให้รัฐมนตรีว่าการศธ. และรัฐมนตรีช่วยว่าการศธ.คนใหม่เข้ามาช่วยสนับสนุนและสานต่อในเรื่องนี้ และวันนี้ได้มีโอกาสอำลาข้าราชการศธ. ยอมรับว่ารู้สึกใจหายเพราะดิฉันถือเป็นรัฐมนตรีที่อยู่นานที่สุดถึง 4 ปี ภูมิใจที่ได้เข้ามาทำงาน และได้สร้างประโยชน์ให้กับเยาวชนไทย โดยเฉพาะห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ผลงานของศธ. มีมากมาย เพียงแต่ต้องใช้เวลาถึงจะออกดอก ออกผล