เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2566 นายสวัสดิ์ เพชรบูรณ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนหอวัง เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษาคดีพิพาทเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนมติของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่มีคำสั่งให้นายสวัสดิ์ ในฐานะอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนหอวัง กรุงเทพฯ ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพื่อขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ เนื่องจากมีผลงานที่ได้รับรางวัลสูงสุดระดับชาติขึ้นไปตามที่ ก.ค.ศ.กำหนดน้อยกว่า 3 รางวัล ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ ศธ 0206.3/ว 13 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556 และเพิกถอนมติของ ก.ค.ศ.ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ.ลับ ที่ ศธ 0206.4/1393 ลงวันที่ 20 กันยายน 2561 ที่ได้ยืนยันมติตามเดิม โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับแต่วันที่มติดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาว่า ให้ ก.ค.ศ.ดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการพิจารณาคำขอรับการประเมินเพื่อขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญของนายสวัสดิ์ต่อไป เสมือนว่านายสวัสดิ์ยังไม่ได้เกษียณอายุราชการ และพิจารณาให้นายสวัสดิ์ได้รับสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้ย้อนหลัง หากนายสวัสดิ์ได้รับการเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ
นายสวัสดิ์ กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนจากนี้ คงต้องรอทาง ก.ค.ศ. ว่าจะยื่นอุทธรณ์แย้งหรือไม่ หากยื่นตนก็จะไปยื่นคัดค้านคำอุทธรณ์ แต่หากไม่อุทธรณ์ ก.ค.ศ. ก็จะต้องคืนสิทธิ ประเมินผลงานเพื่อขอมีและเลื่อนวิทยฐานะให้ตนตามขั้นตอนอีกรอบ โดยได้ยื่นผลงานประเมินเพื่อขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ ตามหลักเกณฑ์ ว13 ไปตั้งแต่ปี 2559 แต่ก.ค.ศ. แจ้งผลการพิจารณา ว่าเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติ ซึ่งรางวัลที่ใช้ในการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ เชิงประจักษ์ ตามว13 ในขณะนั้น จะแบ่งเป็นรางวัลหลัก และรางวัลเทียบเคียง แต่ก.ค.ศ. กลับตีตกรางวัลเทียบเคียงหมด โดยมีผู้ที่ยื่นขอมีและเลื่อนวิทยฐานะในช่วงดังกล่าว กว่า 5,000ราย แต่ได้รับการพิจารณาให้ผ่านการประเมินเพียง 364 ราย เหตุผลเพราะรางวัลที่ใช้ยื่นขอประเมินไม่ตรงกับรางวัลหลัก ซึ่งไม่ถูกต้อง และที่เจ็บปวดที่สุด คือ หลังจากพิจารณาให้กลุ่มที่ยื่นขอประเมินปี 2559 เป็นผู้ขาดคุณสมบัติแล้ว ก็พบว่า รางวัลที่ตนเคยเสนอก็ได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้มีคุณสมบัติมาโดยตลอด จึงอยากถามกลับไปว่า แบบนี้ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าก.ค.ศ. ไม่ยื่นอุทธรณ์ และให้สิทธิตนได้รับการประเมินในตอนนี้ ตนก็จะยอมจบไม่ดำเนินการอะไรต่อ แต่หากก.ค.ศ. หากยืนยันยื่นอุทธรร์ และตนแพ้คดีในชั้นอุทธรณ์ ตนก็จะยอมรับความจริง แต่ถ้าชนะอีกครั้ง ตนจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด
“ในช่วงที่ก.ค.ศ. เปิดให้ยื่นทบทวนสิทธิ ผมก็ยื่นขอทบทวนสิทธิไป แต่ถูกตีตก โดยให้เหตุผลว่า รางวัลที่เสนอไปไม่มีเอกสารรองรับ ทั้งที่ตามหลักเกณฑ์เดิม รางวัลเทียบเคียง ตามว13จะดูจากผลงานดีเด่น เช่นถ้วย หรือโล่รางวัล เป็นหลัก โดยไม่จำเป็นต้องมีเอกสาร ทั้งนี้ กรณีที่ศาลปกครองกลางตัดสินให้ผมชนะคดี ถือเป็นเรื่องเฉพาะราย หากใครเห็นว่า เสียสิทธิ ก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอน แต่หากไม่ยื่นฟ้องและจะมาอ้างอิง เพื่อขอสิทธิ ไม่สามารถทำได้ เพราะศาลปกครองกลางก็จะต้องพิจารณาเอกสารตามหลักฐานและเหตุผลเป็นหลัก”นายสวัสดิ์ กล่าว
ด้าน ดร.อรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้มอบหมายให้ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการก.ค.ศ. ไปดำเนินการตามขั้นตอน และขอให้ไปดูภาพรวมเพื่อดูแลและให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เสียสิทธิที่มีอยู่จำนวนมากทั้งหมดด้วย โดยล่าสุดทราบว่า เลขาธิการก.ค.ศ. จะเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณา ก่อนเสนอให้คณะกรรมการก.ค.ศ. ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน เห็นชอบต่อไป