จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติเห็นว่าการถือครองหุ้นของทั้ง 4 รัฐมนตรี ประกอบด้วย ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม อดีตรมช.ศึกษาธิการ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ถือครองหุ้นสัมปทานของรัฐ เข้าข่ายกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง(2) มาตรา 170 วรรคหนึ่ง(5) และเห็นควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 และมีมติส่งเรื่องให้ศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงหรือไม่นั้น
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนและที่ฟังจาก นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ก็บอกว่ามีอีกหลายประเด็นที่เป็นบรรทัดฐาน ซึ่งตนก็ดีใจที่จะมีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้เป็นบรรทัดฐาน ส่วนที่บอกว่าต้องการให้แสดงสปิริตก็ขอให้ดูกรณีของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ซึ่งถ้าตอนนั้นออกไป ตอนนี้ก็จะไม่มีคำตัดสินของศาล ก็จะไม่ยุติธรรมกับนายดอน เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ไม่มีอะไรขอให้ใจเย็นๆ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐ ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐมนตรีจะรอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ก็ต้องรอ ไม่งั้นจะให้รอคำตอบของใคร ของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ หรือ เพราะขณะนี้ กกต.ยังไม่กล้าตัดสินเลย เพราะฉะนั้น ก็รอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดแล้วกัน ไม่ใช่ว่าผมจะรอหรือไม่รอเพราะกฎหมายก็บอกว่าผิดรัฐธรรมนูญก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ซึ่งไม่ช้าหรอกและไม่หนักใจด้วย เขาว่าผิดก็ผิด เขาว่าถูกก็อยู่ต่อ