เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงการจัดการศึกษาที่จะมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ ว่า หัวใจหลักของการจัดการศึกษา คือ เรื่องของคุณภาพการจัดการศึกษา การสร้างโอกาส ความเหลื่อมล้ำ เรื่องการพัฒนาครูและเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งทุกรัฐบาลจะต้องนำหลักการนี้ไปใช้ เพียงแต่ปรับชื่อโครงการเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการถือเป็นกระทรวงแม่ลูกดกที่มีโรงเรียนในสังกัดกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ และอีกจำนวนไม่น้อยก็เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก แม้ว่าศธ.จะได้รับงบประมาณจำนวนมากในระดับต้นๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นงบฯเงินเดือนของบุคลากร ดังนั้นงบประมาณที่จะเป็นงบพัฒนาคงไม่สามารถพัฒนาให้เป็นโรงเรียนคุณภาพได้ทั้งหมด เรื่องนี้เป็นโจทย์ที่สำคัญของทุกรัฐบาลว่าจะพัฒนาโรงเรียนเหล่านี้อย่างไรให้เกิดคุณภาพ ภายใต้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด แม้รัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในหลายส่วน ทั้งงบรายหัวและงบอาหารกลางวัน แต่ก็อาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะต้องยอมรับว่ายังมีช่องว่าง หรือความเหลื่อมล้ำในเรื่องการจัดการศึกษาที่มากอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ตามเกาะแก่ง ภูเขาสูง ฯลฯ ซึ่งก็คงต้องไปดูว่าจะสามารถจัดโครงการส่งเสริมในเรื่องใดเข้าไปได้บ้าง เพื่อเติมเต็ม ให้เกิดการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันมากที่สุด
“การพัฒนาครูกว่า 5 แสนคนทั้งระบบให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยจะต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถ มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ เพราะหากเด็กมีความสุขกับการเรียนสมองก็พร้อมที่จะเรียนรู้ รวมถึงต้องสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กกลุ่มต่างๆ โดยที่ผ่านมา ศธ.พยายามค้นหากลุ่มเด็กตกหล่น เพื่อวางแนวทางนำเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลับเข้ามาเรียน เพราะเข้าใจว่า เป็นช่วงรอยต่อ หากไม่เข้าไปช่วยเหลือ นำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ชีวิตของเขาก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่น่าเป็นห่วง รวมถึงขอฝากให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ โดยที่ผ่านมา ศธ.พยายามปลดล็อกระเบียบต่างๆ ให้มีความยืดหยุ่น เพื่อให้เด็กมีความสุขกับการมาเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระเบียบทรงผม ที่มีการปรับแก้ระเบียบ กระจายอำนาจให้สถานศึกษา ร่วมกับกรรมการสถานศึกษา และนักเรียนกำหนดรูปแบบทรงผมได้ด้วยตัวเอง เป็นต้น”น.ส.ตรีนุช กล่าวและว่า ทั้งหมดนี้เป็นนโยบายที่ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการตลอด 2 ปีที่เข้ามาทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และไม่กังวลว่ารัฐบาลใหม่จะไม่สานต่อนโยบาย เพราะสิ่งที่ตนทำคือหัวใจสำคัญในการจัดการศึกษา