“คมกฤช”ลุกขึ้นสู้ “เผย”ผู้เสียผลประโยชน์ให้ข้อมูลเท็จ

เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2566 นายคมกฤช จันทร์ขจร รองเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) รักษาราชการแทน เลขาธิการ กศน. กล่าวถึงกรณี  ที่มีข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ว่า 1. ตนได้จัดสรรงบประมาณให้สำนักงาน กศน.กทม. จำนวน 60 ล้านบาท เพื่อให้สำนักงาน กศน.กทม.และสำนักงาน กศน.เขต จัดซื้อสื่อจากสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ตามที่ตัวเองกำหนด 2. ให้ซื้อสื่อจากสำนักพิมพ์ที่สามารถเรียกเก็บเงินทอน  65% โดยอ้างว่า จำเป็นต้องส่งให้รัฐมนตรี  เพื่อให้ได้เป็นเลขาธิการกศน. 3.เรียกรับเงินจากการแต่งตั้งผู้อำนวยการ กศน.จังหวัด/รองผู้อำนวยการ กศน.จังหวัดและตำแหน่งอื่น ๆ และ4.การเรียกรับเงินจากผู้เขียนตำราในการตรวจตำราของ กศน.เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของตนและองค์กรเป็นอย่างยิ่ง

นายคมกฤช กล่าวว่า ข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น ซึ่งตนต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้ กรณีการจัดสรรงบประมาณให้สำนักงาน กศน.กทม. จำนวน 60 ล้านบาท ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยที่ตนรักษาราชการเลขาธิการกศน. และตอนนี้ก็ทราบว่าเงินจำนวนดังกล่าวส่งคืนมายังสำนักงาน กศน.แล้ว ส่วนประเด็นที่บอกว่ามีการเรียกรับเงินจากการแต่งตั้งผู้อำนวยการ กศน.จังหวัด/รองผู้อำนวย กศน.จังหวัดและตำแหน่งอื่น ๆ  นั้น ขอชี้แจงว่า ไม่มีการโยกย้ายผู้อำนวยการ/รองผู้อำนวยการ สำนักงาน กศน.จังหวัด รวมทั้งผู้อำนวยการ กศน.อำเภอ/เขต หรือตำแหน่งอื่น ๆ ในช่วงระยะเวลาที่ตนปฏิบัติหน้าที่ รักษาราชการแทนเลขาธิการ กศน. เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการเรียกรับเงินใด ๆ ทั้งสิ้นจากการแต่งตั้งผู้บริหารทุกตำแหน่ง  และเรื่องการเรียกรับเงินจากผู้เขียนตำราในการตรวจตำราของ กศน. เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีการตรวจตำราของ กศน. เนื่องจากอยู่ในช่วงการเปลี่ยนโครงสร้างหลักสูตรใหม่ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ.2566 และเรื่องที่กล่าวอ้างถึงรัฐมนตรี ตนขอยืนยันว่า รัฐมนตรี ไม่เคยเกี่ยวข้องใดๆ ในการเรียกรับผลประโยชน์ ท่านมีแต่สนับสนุนการดำเนินงานของ กศน.เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งผู้เรียนและผู้สอน และให้ดำเนินการกวาดล้างอิทธิพลสร้าง กศน.ให้ใสสะอาด

“ผมยืนยันว่า ข้อมูลต่าง ๆ ที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นเรื่องเท็จจากผู้สูญเสียผลประโยชน์ใน กศน.  และสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ก็พยายามให้ข่าวสร้างประเด็นสนับสนุนให้คนของตัวเอง เป็นเลขาธิการ กศน. หรืออธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ในอนาคต เพื่อสร้างผลประโยชน์ตอบแทนซึ่งกันและกัน ดังนั้นผมจึงขอโอกาสชี้แจงข้อมูลที่เป็นจริง ถูกต้อง เพื่อความเป็นธรรมของผู้ถูกกล่าวหาทุกคน ในช่วงวันเวลาที่เปลี่ยนผ่านจากสำนักงาน กศน.ไปเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ผมตั้งใจที่จะให้กรมฯเป็นหน่วยงานที่สุจริต โปร่งใส และสร้างความสมานสามัคคี ของคน กศน.ที่จะส่งผลให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน” นายคมกฤช กล่าว