เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ดร.อรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบ การปะทะกันระหว่างกองทัพซูดานกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ Rapid Support Forces (RSF) ในกรุงคาร์ทูม สาธารณรัฐซูดาน เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีคนไทยอาศัยอยู่ในเมืองดังกล่าวประมาณ 220 คน สถานการณ์ปัจจุบัน คนไทยทั้งหมด ได้เดินทางออกจากเมืองคาร์ทูม ไปลงเรือทางการซาอุดีอาระเบียต่อไปยังเมืองเจดดาห์ เพื่อรอการอพยพกลับประเทศไทยโดยกองทัพอากาศ ซึ่งจะเดินทางถึงประเทศไทย ในวันที่ 27 เมษายน เวลาประมาณ 22.00 น. จำนวน 1 เที่ยวบิน และวันที่ 28 เมษายน เวลาประมาณ 09.00 น. จำนวน 2 เที่ยวบิน
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกรับนักศึกษาไทยในประเทศซูดาน อยู่ในขั้นตอนของการเดินทางกลับประเทศไทยด้วยความปลอดภัย ซึ่ง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ประสานการเตรียมความพร้อมจากรัฐบาลในการเตรียมการอพยพนักศึกษา และประชาชนจากชูดานเดินทางกลับประเทศไทย โดยมีหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบคือ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ศอ.บต.ซึ่งได้มีการประชุมอย่างต่อเนื่องและจัดตั้งเป็นศูนย์ประสานงาน นักเรียน นักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ศึกษาต่อในต่างประเทศ (ศป.นศ.จชต.) ภายใน ศอ.บต. ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานทั้งในส่วนกลางกับกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพอากาศ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ส่งข้อมูลประสานการติดต่อผ่านญาติและผู้ปกครองของนักศึกษา ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมการประสานที่พักใกล้ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เมื่อนักศึกษาเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย จะมีการรับนักศึกษาเดินทางกลับเข้ามาพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ สนามบินบ่อทอง ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี และอำนวยความสะดวกส่งนักศึกษาถึงบ้านอย่างปลอดภัยและเร็วที่สุด
ดร.อรรถพล กล่าวว่า ส่วนการดำเนินการภายหลังจากนักศึกษาเดินทางมาถึงภูมิลำเนาแล้ว ได้มีการวางแผนสำหรับการศึกษาต่อในประเทศ สำหรับนักศึกษาที่ประสงค์ที่จะกลับมาศึกษาในประเทศไทย จะต้องดำเนินการในส่วนของการเทียบโอนรายวิชา โดยจะประสานไปยังมหาวิทยาลัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขณะนี้ ศอ.บต.กำลังเร่งดำเนินการสำรวจนักศึกษาที่ไปศึกษาต่อที่ประเทศซูดานเพิ่มเติมจากระบบข้อมูล โดยให้บัณฑิตอาสาฯ ลงพื้นที่สำรวจตัวเลขที่ชัดเจน เมื่อนักศึกษาเดินทางกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งเบื้องต้นข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศมีคนไทยประมาณ 220 คน เป็นนักศึกษาไทย 150 คน อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ 100 คน เนื่องจากเมื่อช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา มีนักศึกษาเดินทางกลับมาบางส่วนแล้ว จากข้อมูลของนักศึกษาที่ไปเรียนต่อในประเทศซูดานพบว่า ส่วนใหญ่ไปศึกษาต่อในสาขาแพทย์ กฎหมายอิสลาม และทางศาสนา
“ศธ. โดย ศค.จชต. ร่วมกับ ศอ.บต. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัฒกรรม (อว.) และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ ได้เตรียมการรองรับกรณีนักศึกษาที่เดินทางกลับมาจากประเทศซูดาน และมีความประสงค์ที่จะกลับมาศึกษาต่อในประเทศ ดังนี้ 1.จัดเตรียมสถานศึกษารองรับกรณีนักศึกษาไทยที่ไม่กลับไปศึกษาต่อที่ประเทศซูดาน และประสงค์ศึกษาต่อในประเทศไทย โดยจะประสานกับทางมหาวิทยาลัยในพื้นที่ทั้งมหาวิทยาลัยสงขลานรินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหา วิทยาลัยนราธิวาสราชนรินทร์ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี และมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ในการเทียบโอนรายวิชา เพื่อรับเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาประสงค์ที่จะกลับมาเข้าเรียน และ 2. อำนวยความสะดวกในการเทียบคุณวุฒิการศึกษาจากประเทศ สำหรับนักศึกษาซูดานที่สำเร็จการศึกษาเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศค.จชต.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ ของนักเรียนนักศึกษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศ ในการเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้าใจก่อนเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานของสถาบันการศึกษาในต่างประเทศให้ กับนักเรียนและนักศึกษาที่จะไปศึกษาต่อ ซึ่งได้ประสานเกี่ยวกับการติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาไทยที่เดินทางกลับจากประเทศซูดาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ ศอ.บต. อย่างใกล้ชิด” ดร.อรรถพลกล่าว