ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียนการดำเนินโครงการเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา หรือ ยูนิเน็ต (UniNet) ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้(30 พ.ย.)เป็นการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯ โดยเป็นการวางกรอบการทำงานที่เรื่องการเกี่ยวการร้องเรียนโดยเน้นไปที่ทีโออาร์ หรือ รายละเอียดขอบเขตงาน เท่านั้น จากนั้นได้มอบหมายให้คณะกรรมการไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องสภาพแวดล้อม เอกสาร และพยานบุคคลต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกระบวนการสืบหาข้อเท็จจริงปกติ
“คณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงมีหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริงตามที่มีผู้ร้องเรียน ว่า มีมูลตามที่ร้องมาหรือไม่เท่านั้น ไม่ได้ส่งผลอะไรถึงผู้ถูกร้อง เป็นการทำงานตามกระบวนการทางวินัย ยังไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล ไม่มีการชี้ว่าใครจะมีความผิดแต่อย่างใด และการประชุมวันนี้ก็เป็นเพียงการวางกรอบการทำงานและมอบหมายงานเบื้องต้นเท่านั้น แต่มั่นใจว่าจะสามารถสรุปผลการสืบหาข้อเท็จจริงได้ตามกรอบระยะเวลา 30 วันแน่นอน”ดร.อำนาจกล่าวและว่า สำหรับกรณีที่ ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการการอุดมศึกษา (กกอ.) ทำหนังสือไปหารือกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับรายละเอียดของทีโออาร์ดังกล่าว นั้น หากกรมบัญชีกลางให้ข้อหารือมาอย่างไรก็อยู่ที่ผู้ชี้แจงว่าจะนำมาใช้ในการชี้แจงหรือไม่ เพราะกรรมการมีหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริงเพื่อชี้ว่ามีมูลหรือไม่เท่านั้น
ดร.อำนาจ กล่าวด้วยว่า ขอย้ำว่าการที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯชุดนี้ เนื่องจากเรื่องนี้มีการร้องเรียนที่เป็นลายลักษณ์อักษร ทำให้ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะผู้บังคับบัญชา ต้องตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง เพราะหากไม่ตั้งก็อาจเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาชุดนี้ก็มีองค์กรประกอบครบ มีบุคคลภายนอก มีนิติกรจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมเป็นกรรมการด้วย และการทำงานก็เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงไม่ใช่ชี้ถูกชี้ผิด