เมื่อวันนี้ 29 พ.ย. ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ นายแมคเฟอร์สัน ทาฮา(HE Mr.Taha Mapherson) เอกอัคราชทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย และคณะผู้บริหาร Auckland University of Technology(AUT) ประเทศนิวซีแลนด์ ถึงความร่วมมือในการจัดตั้งแคมปัส ในประเทศไทย ซึ่ง AUT จัดการศึกษาทั้งระบบตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ถึงระดับมหาวิทยาลัย อยู่ในอันดับต้นๆของโลก และที่ผ่านมา AUT ได้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี)มา 2-3ปีแล้ว จึงต้องการยกระดับโดยการเปิดแคมปัส ร่วมกับ มทร.ธัญบุรี เพิ่มในพื้นที่ อีอีซี ของไทย
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ค่าครองชีพที่นิวซีแลนด์สูงขึ้น AUT จึงอยากมาเปิดแคมปัสที่ประเทศไทย เพื่อขยายการศึกษารองรับผู้เรียน เป็นการสอนด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้เรียนจะได้ทั้งดีกรีของสถาบัน และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องเดินทางไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นความต้องการซึ่งกันและกัน และจะเป็นการมาช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยในพื้นที่ที่เราต้องการเพิ่มศักยภาพขึ้นด้วย ดังนั้นตนจึงต้องการให้ AUT มาเปิดในระดับ non-degree ประกาศนียบัตร หรือ อนุปริญญา 6 เดือน หรือ 1 ปีก่อน ในสาขาที่ AUT มีความเชี่ยวชาญ เช่น โลจิสติคส์ วิทาศาสตร์คอมพิวเตอร์ การท่องเที่ยว เป็นต้น และอนาคตจะเปิดถึงระดับปริญญาโท แต่ขณะนี้ตนต้องการให้เรียน เพื่อตอบโจทย์เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี จึงต้องการยกระดับคนของเราที่จบในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.) หรือทำงานอยู่แล้ว ไปทบทวนหรือเพิ่มทักษะความรู้
รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่ AUT ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยซึ่งเน้นทางด้านเทคโนโลยี และเป็นครั้งแรกของประเทศนิวซีแลนด์ ที่เปิดให้มหาวิทยาลัยออกมาดำเนินกิจการจัดการเรียนการสอนที่ประเทศไทย ซึ่ง มทร.ธัญบุรี และAUT ได้ ทำงานร่วมกันมาก่อนแล้ว จึงมั่นใจว่าจะช่วยพัฒนาพื้นฐานที่เป็นภาษาอังกฤษ และพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรม ทักษะ และเข้าสู่สาขาวิชาในระดับปริญญาตรี-โท และปริญญาเอก ในอนาคต เพื่อคนไทยไม่ต้องเดินทางไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์ มีเจ้าของภาษาส่งครูมาสอน จะเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ผู้เรียนจะได้ปริญญาของต่างประเทศ ซึ่งมุ่งเน้นในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และในอนาคตเขตเศรษฐกิจพิเศษจะขยายไปหลายพื้นที่ ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนาคนมารองรับ รวมถึงงานวิจัยที่จะใช้นวัตกรรม และจะใช้บุคลากรของ มทร.ธัญบุรี ในพื้นที่พัฒนากำลังคนด้านการเรียนการสอน และด้านนวัตกรรมต่างๆ โดย มทร.ทั้ง 9 แห่ง และมหาวิทยาลัยต่างๆจะมาเข้าร่วมกันเพื่อให้คนไทยเข้าถึงทางการศึกษาที่เป็นมาตรฐานโลก ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้