เมื่อวันที่ 27 พ.ย. นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีโครงการเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา หรือ ยูนิเน็ต (UniNet) ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) หลังมีการร้องเรียนว่าการเขียนขอบเขตงานหรือ ทีโออาร์ บางข้อเฉพาะเจาะจงเกินไป เช่น บริษัทต้องมีสำนักงานอยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตร จาก สกอ. อาจจะเข้าข่ายล็อกเสปกหรือไม่ เป็นต้นนั้น ว่า ตนได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้ ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ รองปลัดศธ. เป็นประธาน โดยให้ไปดูในรายละเอียดของทีโออาร์ ซึ่งคณะกรรมการจะมีทั้งบุคคลภายนอกที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ตามที่ นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ เสนอมา และนิติกรอีก 3 คน โดยกำหนดระยะเวลาทำงานให้เสร็จภายใน 30 วัน
“ตอนนี้สำนักนิติการ ของศธ.จะต้องมีความเข้มแข็ง ในการกำกับดูแลกฎหมาย ซึ่งเร็ว ๆ นี้ ผมจะแต่งตั้งดีเอสไอประจำ ศธ. ซึ่งเป็นกลุ่มพิเศษ เพราะได้อัตรามาแล้ว 8 ตำแหน่ง โดยให้มีความก้าวหน้าถึงระดับ 10 แต่จะต้องมีความชัดเจนในการทำงานและสะท้อนปัญหาการทุจริตของศธ.ออกมาให้ได้”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ ของศธ. จะเป็นฝ่ายกฎหมายพิเศษ เป็นหน่วยงานกลาง สังกัดสำนักนิติการ ของ สป.ศธ. โดยฝ่ายนี้จะขึ้นตรงกับรมว.ศึกษาธิการ จะรับผิดชอบดูเรื่องร้องเรียนจากแท่งต่างๆ ภายในกระทรวง เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) หากมีเรื่องร้องเรียนมา อาจจะไม่เข้าใจ หรือช่วยเหลือกันจนทำให้การตรวจสอบล่าช้า หรือเมื่อมีเรื่องร้องเรียนใหญ่ๆ เข้ามา เช่น การทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต หรือโครงการอาหารกลางวัน ถ้ารอให้ต้นสังกัดตรวจสอบ คงรอจนคดีล่าช้า จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางขึ้นมาเพื่อตรวจสอบโดยเฉพาะ และสามารถเบิกโอทีได้
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสังคมเห็นว่า ศธ. มีปัญหามาก และเป็นกระทรวงที่ตกเป็นจำเลยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เข้าตรวจสอบหลายเรื่อง และในวันหนึ่งเมื่อตนหมดหน้าที่ และประเทศมีการเลือกตั้ง อยากให้นิติกรทุกคนเป็นที่พึ่งและเป็นหลักให้ประเทศ ไม่ต้องกลัวนักการเมือง ทุกคนต้องตรงไปตรงมา อย่าเข้าใครออกใคร
ดร.อำนาจ กล่าวว่า ตนรับทราบคำสั่งแล้ว ส่วนตัวไม่หนักใจและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ตนจะนัดประชุมคณะกรรมการตรวจสอบฯ เพื่อให้มารับทราบสำคั่งและวางแผนการดำเนินงาน ส่วนระยะเวลาทำงาน ตามกฎหมายกำหนดไว้ให้เสร็จภายใน 30 วัน แต่ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมอาจจะขยายระยะเวลาได้
