เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านอ่อนนุช ยื่นหนังสือร้องเรียนหลังโรงเรียนแจ้งปิดกิจการ ล่วงหน้าเพียง 14 วัน ทำให้ผู้ปกครองได้รับผลกระทบ ไม่สามารถหาที่เรียนให้บุตรหลานได้ทัน พร้อมกับเรียกร้องให้โรงเรียนเยียวยาค่าใช้จ่ายส่วนต่างเพิ่มเติม 10,000-30,000 บาท รวมถึงค่าเครื่องแบบ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนปรับพื้นฐาน ค่าเรียนซัมเมอร์นั้น ว่า เรื่องนี้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้กำชับว่าต้องหาที่เรียนให้กับเด็ก จะต้องไม่มีเด็กตกค้าง ส่วนการอนุญาตให้ปิดกิจการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ยังไม่อนุญาตให้ปิด แต่เท่าที่ประเมินขณะนี้โรงเรียนไม่มีศักยภาพที่จะเปิดการเรียนการสอนต่อไปได้ ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน ดังนั้น ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการส่งต่อผู้เรียน โดย สช.ได้เปิดช่องทางให้ผู้ปกครองแจ้งความประสงค์โดยผ่านทาง Google Form ซึ่งล่าสุดมีผู้ปกครองแจ้งมาแล้ว 118 คน โดยแสดงความประสงค์จะไปเรียนในโรงเรียนต่างๆ จำนวน 13 แห่ง ทั้งสังกัด สช. กรุงเทพมหานคร และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่ง สช.มีหนังสือแจ้งไปยังโรงเรียนให้พิจารณารับเด็กจากโรงเรียนนี้เป็นกรณีพิเศษ
นายมณฑล กล่าวต่อไปว่า ในขณะเดียวกัน สช. จะส่งหนังสือไปถึงโรงเรียนที่ปิดกิจการ เพื่อให้พิจารณาความเดือนร้อนที่ผู้ปกครองแจ้ง โดยขอให้พิจารณาอย่างรอบด้าน นอกจากนี้จากการพูดคุยกับผู้แทนผู้รับใบอนุญาตของโรงเรียน ทาง สช.ได้กำชับในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ปกครองกรณีโรงเรียนเลิกกิจการ เช่น ค่าเครื่องแบบ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนปรับพื้นฐาน ค่าเรียนซัมเมอร์ และให้ทางโรงเรียนทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้ชัดเจนว่า ที่ได้ประกาศไปว่าจะปิดทำการวันที่ 3 มีนาคมนั้น ไม่ใช่ปิดในทันที แต่โรงเรียนมีภารกิจในการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับเด็กและผู้ปกครองอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เอกสารหลักฐานการศึกษาต่าง ๆ ต่อไป ส่วนกรณีที่มีนักเรียนค้างค่าเทอม จนผู้ปกครองเกรงว่าจะเป็นเหตุผลทำให้ไม่ได้เข้าสอบปลายภาคนั้น ทางสช. ได้กำชับไปแล้วว่าเด็กทุกคนต้องได้เข้าสอบ และต้องได้รับหลักฐานการศึกษาอย่างครบถ้วนทุกคน เพราะเรื่องค่าเทอมเป็นเรื่องของผู้ปกครองไม่เกี่ยวกับเด็ก ส่วนกรณีที่เด็กยังหาที่เรียนไม่ได้จริง ๆ สามารถยื่นเรื่องที่โรงเรียน หรือที่ สช. เพื่อที่จะดูแลหาที่เรียนให้เด็กต่อไป