ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ยกร่างปฏิทินการรับนักเรียนของสถานศึกษา สังกัด สพฐ.ปีการศึกษา 2562 เสร็จแล้ว โดยโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จะดำเนินการสอบคัดเลือกก่อนโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง ประมาณ 2 สัปดาห์ แต่การรับสมัครจะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้เด็กสมัคร 2 ที่ รู้ผลสอบแล้วว่าไม่ได้ จึงค่อยสอบรอบสองในโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง โดยตนจะนำร่างปฏิทินดังกล่าว เสนอ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เร็วๆนี้ ว่าจะให้ศึกษาผลดี ผลกระทบในประเด็นใดเพิ่มเติมหรือไม่ ก่อนจะมีการประกาศปฏิทิน การรับนักเรียน เพื่อให้โรงเรียนได้เตรียมดำเนินการรับสมัคร หากไม่มีอะไรติดขัดคาดว่าจะประกาศได้ในสัปดาห์นี้
“หลักการ การรับสมัครนักเรียนในปีการศึกษา 2562 จะกระจายอำนาจให้โรงเรียนและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)แก้ไขปัญหาก่อนจะมาที่ส่วนกลาง หากเกิดปัญหาให้เขตพื้นที่ฯ และคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ตัดสินใจร่วมกัน โดยใช้โรงเรียนเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาในการตัดสินใจ แต่หลักใหญ่ต้องไม่มีการเรียกรับเงิน ต้องไม่มีเด็กฝาก ไม่มีแป๊ะเจี๊ยะ ถ้าเกิดเรื่องจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด “เลขาธิการ กพฐ.กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม การรับนักเรียนปีที่แล้วถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ดังนั้น ปีนี้จะเป็นปีที่สร้างความยั่งยืนให้กับวัฒนธรรมของประเทศ ทั้งนี้การประกาศรายชื่อสำรองเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการฝาก โดยให้เป็นไปตามลำดับ สอบที่ขึ้นบัญชีไว้ ดังนั้น ถ้าเก้าอี้ว่างลงจากการสละสิทธิ์ เด็กต้องได้สิทธิ์ในตามลำดับที่สอบได้ ส่วนหลักเกณฑ์การรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษก็ยังคงเป็นไปตามเดิม และเร็วๆนี้ สพฐ.จะเชิญผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษามาหารือเรื่องการรับสมัครสอบคัดเลือกเด็กต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรหรือไม่ หากมีจะขอโรงเรียนสนับสนุนเด็กที่โรงเรียนรับรองว่าเรียนดีและครอบครัวถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้หรือไม่
“เรื่องการขยายจำนวนนักเรียนต่อห้องชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 เพิ่มได้อีกไม่เกิน 5 คนนั้น ให้โรงเรียนตัดสินใจตามความจำเป็น สพฐ.จะไม่ไปบังคับ ถ้าโรงเรียนจะเน้นคุณภาพไม่ขยายห้อง จะยึดที่ 40 คนต่อห้องก็ได้ แต่ถ้าโรงเรียนจะขยายก็ต้องดูว่าภาระครูจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ภาระจำนวนชั่วโมงที่สอนห้องเรียน สาธารณูปโภคอื่นๆต้องเพิ่มหรือไม่ ถ้าโรงเรียนรับได้ก็จบ แต่บนเงื่อนต้องไม่เรียกรับผลประโยชน์ หรือสิ่งใดตอบแทน เช่น ซื้อโต๊ะ เก้าอี้ พัดลม เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น