เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีหนังสือร้องเรียนของผู้เสียสิทธิ์ในการย้ายเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)สมุทรปราการ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ประจำปี 2565 ซึ่งกำหนดให้ผู้ประสงค์ย้ายยื่นคำร้องขอย้ายได้ระหว่างวันที่ 1-15 กรกฏาคม 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีผู้อำนวยการโรงเรียนเกษียณอายุราชการ จำนวน 3 คน คือ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด โรงเรียนเทพศิรินทร์สมุทรปราการ และ โรงเรียนมัธยมวัดด่านสำโรง ซึ่งทั้ง 3 โรง เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ โดยเฉพาะโรงเรียนสตรีสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด และเป็นโรงเรียนแข่งขันสูง
อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณา การย้ายในครั้งนี้ สพม.สมุทรปราการ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย ของผู้ที่มีความประสงค์ขอย้ายตามเอกสารที่ผู้ยื่นคำร้องได้ส่งมาตามตัวชี้วัดการย้าย ตาม ว.7 เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)คะแนนวิทยาศาสตร์ เต็ม 60 คะแนน ซึ่งคณะกรรมการฯได้พิจารณาให้คะแนนผู้ยื่นคำร้องขอย้ายตามเอกสารที่ผู้ยื่นคำร้องขอย้ายตามตัวชี้วัดต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ส่วนการให้คะแนนวิสัยทัศน์(คะแนนไสยศาสตร์)40 คะแนน ได้เสนอให้คณะกรรมการประเมิน ซึ่งประกอบด้วย ผู้อำนวยการ สพม.สมุทรปราการ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(ผอ.สพป.)สมุทรปราการ เขต1 ผอ.สพป.สมุทรปราการ เขต 2 (เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่30 กันยายน 2565) และ ศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)สมุทรปราการ แต่ศธจ.สมุทรปราการไม่เข้าประชุม ได้มอบหมายให้ รอง ศธจ.สมุทรปราการ เข้าประชุมแทน ซึ่งคณะกรรมการประเมินได้พิจารณาให้คะแนนผู้ยื่นคำร้องขอย้ายได้คะแนนเท่ากันทุกคน และให้ สพม.สมุทรปราการ ได้ส่งผลการพิจารณาการย้ายของ สพม.สมุทรปราการ ให้สำนักงานศึกษาธิการ(กศจ.)จังหวัดสมุทรปราการดำเนินการพิจารณาการย้าย ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2565 แต่ในวาระการประชุม กศจ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 นายวินัย ยงเขตรการ์ณ์ ศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)สมุทรปราการ ในฐานะ กรรมการและเลขานุการ กศจ.สมุทรปราการ ไม่นำเรื่องย้ายเข้าในวาระการประชุม โดยอ้างว่าไม่มี อกศจ.สมุทรปราการ โดยขณะนั้น มีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นั่งเป็นประธาน กศจ.แต่ขณะนี้ ได้ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 แล้ว และมีนายศุภมิตร ชิณศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้รับโปรดเกล้าฯมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการแทน และนั่งเป็นประธาน กศจ.คนปัจจุบัน
“ขณะนี้ ชาว สพม.สมุทรปราการ มีความทุกข์ใจเป็นอย่างมากที่ผู้มีอำนาจ สั่งการให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อครั้งการประชุม กศจ.เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ที่มีนายศุภมิตร เป็นประธาน และ นายวินัย ศธจ.สมุทรปราการ ในฐานะ กรรมการและเลขานุการ กศจ.สมุทรปราการ ได้นำเรื่องย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดสมุทรปราการ เข้าพิจารณาในระเบียบวาระการประชุม ซึ่งในขณะนั้นก็ยัง ไม่มี อกศจ.สมุทรปราการ ได้มีมติให้ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สพป.สมุทรปราการ เขต1และ สพป.สมุทรปราการ เขต2 ย้ายได้ แต่มีมติให้ สพม.สมุทรปราการ มาทบทวนคะแนนวิสัยทัศน์ใหม่ และในรายงานการประชุม กศจ.สมุทรปราการ ก็ไม่ได้ตั้งข้อสังเกตใดๆ ในการให้คะแนนวิสัยทัศน์ ว่าทำไมถึงได้คะแนนเท่ากันทุกคน มีเพียงมติให้ สพม.สมุทรปราการมาทบทวน แต่คณะกรรมการประเมินฯก็ยังยืนยันคะแนนวิสัยทัศน์เดิมกลับไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รู้กันว่าคนของตนเองยังได้คะแนนอยู่อันดับ 4 อยู่ ไม่สามารถที่จะย้ายเข้าโรงเรียนสตรีสมุทรปราการตามที่ต้องการได้ แต่ที่ได้คะแนนวิทยาศาสตร์อันดับ1 กลับเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ และได้รับการพิจารณาให้ย้ายไปที่โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ
และในการประชุม กศจ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา กศจ.สมุทรปราการ ได้ขอมติในที่ ว่า จะทำคะแนนวิสัยทัศน์ในการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาของ สพม.สมุทรปราการเอง เพื่อที่จะให้คนของตนเองที่ได้คะแนนวิทยาศาสตร์ อันดับที่ 4 ให้ชนะผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ เพื่อจะได้ย้ายคนตัวเองเข้าดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีสมุทรปราการให้ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ ตามหนังสือที่ ศธ 0206.4/ว7 เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ของสำนักงาน ก.ค.ศ. กศจ.มีอำนาจ ในการให้ความเห็นชอบตามที่คณะกรรมการประเมินเสนอมา ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องมีการตั้งข้อสังเกต เท่านั้น แต่ในคราวการประชุม กศจ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ก็ไม่ได้ตั้งข้อสังเกตใดๆ ในการให้คะแนนวิสัยทัศน์ แต่กลับมีมติให้กลับมาทบทวน
นี่คือ ปัญหาการศึกษาของชาว สพม.สมุทรปราการ และชาวสมุทรปราการทุกคน ที่ผู้มีอำนาจ คิดว่าตนเองเป็นประธาน กศจ.สมุทรปราการ จะเอาให้ได้ดั่งใจตนเอง ซึ่งไม่ได้มีความรู้เรื่องการศึกษา และไม่รู้ระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ และ ศธจ.สมุทรปราการ ก็ไม่ชี้แนะกฎหมายระเบียบการศึกษา ให้ประธานทราบ คิดเพียงจะทำอย่างไรที่จะทำให้พวกของตนเองได้ตามความต้องการ ซึ่งขัดกับหลักธรรมมาภิบาล นายวินัยไปอยู่ที่ไหนก็มีปัญหาที่นั่น ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ากระทำความผิดเพราะหลักเกณฑ์กำหนดให้ย้ายภายในวันที่ 30 กันยายน ถ้าย้ายล่าช้าจะทำให้คนขอย้ายเสียสิทธิ์ในปีต่อไป และยิ่งให้กลับมาแก้คะแนนก็ยิ่งมีความผิด