“บุญรักษ์”สั่งพักการเรียนนักเรียนรุมรังแกรุ่นน้อง มัีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำทัณฑ์บนยังไม่พอ ควรจะพักการเรียน ชี้ต้องเยียวยาทั้งผู้ถูกทำร้ายและผู้กระทำ
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีนักเรียนรุ่นพี่ ชั้น ม.2 รุมทำร้ายรุ่นน้องชั้น ป.4 ในโรงเรียนบ้านดง ต.ดงสุวรรณ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คงต้องปรับวิธีการจัดการปัญหาใหม่ เพราะที่โรงเรียนดำเนินการไปอาจไม่เหมาะสม เช่น การทำทัณฑ์บนเพียงพอหรือไม่ ควรจะพักการเรียนหรือไม่ ขณะเดียวกันนักเรียนที่ถูกทำร้ายและรุ่นพี่ผู้กระทำ ต้องได้รับการช่วยเหลือ และเยียวยา เช่น นักเรียนผู้กระทำโรงเรียนต้องไปดูภูมิหลังของนักเรียนว่าเหตุใดถึงออกมากระทำแบบนี้ ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่า ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยการแก้ไขปัญหาระยะยาวและถูกวิธี หากนักเรียนผู้กระทำคงไว้พฤติกรรมลักษณะนี้อาจจะเป็นภัยระยะยาวต่อตัวนักเรียนเอง อย่างไรก็ตามทุกพฤติกรรมมีสาเหตุ มีเบื้องหลังเสมอ ต้องดูว่า สพฐ. และ สังคมจะสามารถช่วยเหลือนักเรียนพวกนี้แบบไหน
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวว่า ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) พะเยา เขต 1 รายงานมาว่า ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว โดยจะตรวจสอบว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ความรับผิดชอบอยู่ที่ไหน เป็นความประมาทเลินเล่อ หรือ บกพร้องต่อหน้าที่ของผู้อำนวยการโรงเรียน ครู หรือไม่ หรือเป็นความผิดพลาดของระบบที่ยังคุ้มครองนักเรียนไม่ครอบคลุมพอ โรงเรียนมีหลักเกณฑ์ มาตรการป้องกัน รวมถึงผู้อำนวยการ และครู ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้หรือไม่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องวัวหายแล้วล้อมคอก รมว.ศึกษาธิการให้แนวทาง และ มอบนโยบายในการจัดการ วางมาตรการ หลักเกณฑ์ป้องกันการรังแกในโรงเรียน ซึ่ง สพฐ.กำลังดำเนินการเรื่องนักจิตวิทยาโรงเรียนอยู่ แต่เนื่องจากต้องดูแลเด็กกว่า 10 ล้านคน อาจจะไม่กระจายเพียงพอ
ดร.บุญรักษ์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาของ สพฐ. คือจะทำอย่างไรให้กลไกที่มีอยู่ สามารถป้องกันปัญหาและดูแลเด็กทั่วประเทศอย่างเหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมา สพฐ.ก็มีการจัดอบรมให้แก่ครูไปบ้างแล้ว ว่า หากเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นกับเด็ก ครูต้องจัดการอย่างไร เพราะโรงเรียนเป็นพื้นที่ ที่ประชาชนนำลูกหลานมาเรียน และไว้วางใจให้ดูแล ซึ่งนักเรียนทุกคนถือเป็นลูกของครู หากมีอะไรผิดพลาด มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับเด็กจะต้องเป็นความรับผิดชอบของโรงเรียนโดยตรง ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองของทั้งสองฝ่าย
