เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565  นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมประชุมแนวทางความร่วมมือ 3 ภาคส่วน ในการสนับสนุนการศึกษาไทย ประจำปี 2565 ภายใต้มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรีและประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี คณะทำงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เข้าร่วมประชุม โดย น.ส.ตรีนุช กล่าวตอนหนึ่งในการประชุม ว่า การดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐ ริเริ่มมาจากความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ตั้งแต่สมัยท่านองคมนตรีดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา โดยมีนายศุภชัย  เจียรวนนท์  เป็นผู้นำหลักของภาคเอกชน และได้มีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันได้พัฒนาเป็นมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี ซึ่งตนขอขอบคุณภาคเอกชน ที่เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงาน เริ่มจากระยะแรก 12 องค์กร และมีการขยายความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2565 นี้ มีองค์กรภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนถึง 50 องค์กร เพื่อร่วมกันดูแล 5,570 โรงเรียนทั่วประเทศ มีนักเรียนมากกว่า 2,300,000 คน ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาคอนเน็กซ์อีดี (CONNEXT ED) ได้ดำเนินการโครงการต่าง ๆ และได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาจำนวนมาก  อย่างการนำระบบ SMS มาใช้กับโรงเรียนในโครงการ มีการถอดบทเรียนองค์ความรู้จากภาคเอกชน หรือ โมเดลการพัฒนาของบริษัทต่างๆ จำนวน 17 องค์ความรู้ มาขยายผลการจัดการศึกษาตามบริบทที่เหมาะสมของโรงเรียนต่อไป  เช่น โมเดล “Clicker” นวัตกรรมการศึกษา เพื่อการเรียนรู้เชิงรุก ซึ่งเป็นการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เสริมการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เสริมกิจกรรมกลุ่มระดมสมอง กิจกรรมแบบเพื่อนสอนเพื่อน โดยมีกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาครูผู้สอน นักเรียน และชุมชน ซึ่งจากผลการดำเนินงานระยะเวลา 1 ปีการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้วิจัยแล้ว พบว่า ผู้ใช้มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุดต่อการใช้ Clicker นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น ช่วยเรื่องการจดจำ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น , โมเดล ICT Talent โครงการที่เฟ้นหาผู้ที่มีความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยีประจำโรงเรียน มาช่วยเหลือในโรงเรียน ซึ่งผลลัพธ์การดำเนินโครงการทำให้ นักเรียนมี การกำหนดให้มี ICT Talent สูงขึ้น 76% ของครูในโรงเรียนใช้เทคโนโลยีช่วยในการสอนมากขึ้น และมีครูถึง 88% มั่นใจที่จะใช้เทคโนโลยีในการสอน เป็นต้น

“ ที่ประชุมซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชน ได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพ เรื่องการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในสังคม (Soft Skills ) เรื่องเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพของครูและผู้บริหารสถานศึกษา ที่ต้องพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานเป็นหลัก ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะนำคำแนะนำมาพิจารณาและกำหนดแนวทางการดำเนินงานต่อไป ทั้งนี้ ดิฉันขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันพัฒนาการศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานของประเทศ ในการลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมศักยภาพให้กับ นักเรียน ครู ผู้บริหาร และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ได้มีโอกาสรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดิฉันพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ”น.ส.ตรีนุช กล่าว.

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments