เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)  เปิดเผยว่า  สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)มีนโยบาย และแนวปฏิบัติในการจัดการอาชีวศึกษา โดยในปีการศึกษา 2566 ได้มีเป้าหมายในการรับนักเรียน นักศึกษา ในสังกัด สอศ.เพิ่มผู้เรียนระบบทวิภาคี โดยในส่วนของสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน เดิมมีผู้เรียนระบบทวิภาคี 15% ปีการศึกษา 2566 จะเพิ่มผู้เรียนให้ได้ 25% และสถานศึกษาอาชีวศึกษารัฐ เดิมมีผู้เรียนระบบทวิภาคี 20% ปีการศึกษา 2566 จะเพิ่มผู้เรียนให้ได้ 30% ทั้งนี้การเพิ่มผู้เรียนระบบทวิภาคี เป็นหนึ่งใน 7 นโยบายเร่งด่วนที่ตนวางไว้ เพราะพบว่าภาคเอกชนต้องการแรงงานที่จบจากอาชีวะจำนวนมาก สนใจและอยากจะร่วมมือกับ สอศ.เพื่อพัฒนาและจัดการศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา (ศธ.) ที่มอบให้ตนจัดการศึกษาร่วมกับภาคเอกชนให้มากขึ้น ซึ่งการเรียนระบบทวิภาคี จะแก้ปัญหาในเรื่องการขาดแคลนครูและบุคลากรทางการศึกษาของสอศ.ได้ในระดับหนึ่ง เพราะเทอมหนึ่งเด็กเรียนสายสามัญที่วิทยาลัย และอีกเทอมก็จะไปเรียนอาชีพในสถานประกอบการ และขณะนี้พบว่าเด็กเริ่มสนใจ เข้ามาเรียนสายอาชีพเพิ่มมากขึ้น

เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากจะเน้นการเรียนระบบทวิภาคีแล้ว สอศ.ก็จะเน้นหลักสูตรทวิศึกษา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนในโครงการพระราชดำริ และโรงเรียนขยายโอกาสที่อยู่ห่างไกล ที่มีความพร้อม เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ และเตรียมความพร้อมให้เด็กเข้าสู่สายอาชีพด้วย นอกจากนี้ สอศ.ยังมีการวางมาตรการป้องกันการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษา สอศ.โดยตนได้หารือร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และได้กำหนดมาตรการร่วมกันว่า ต่อไปนี้จะไม่ให้ นักศึกษาใส่เสื้อช็อปออกจากสถานศึกษา ให้ใส่เสื้อช็อปเฉพาะตอนเรียนปฏิบัติเท่านั้น พร้อมกับประสานตำรวจ และครูร่วมกันเฝ้าระวัง และวางระบบการเดินทางกลับบ้านของ นักศึกษา เพื่อป้องกันเด็กคู่อริไม่ให้เจอกันระหว่างเดินทางกลับบ้านด้วย ผมขอวิวอนถึงการเสนอข่าวเด็กอาชีวะทะเลาะวิวาทด้วยว่า นักศึกษาอาชีวะ99%เป็นเด็กดี ไม่มีเหตุทะเลาะวิวาท มีเพียงส่วนน้อยที่ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งผมได้ฝากย้ำผู้อำนวยการสถานศึกษาทุกวิทยาลัยให้ติดตามดูแลนักศึกษากลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ โดยยึดนโยบาย 3 ป.ของ รมว.ศึกษาธิการ คือ ป้องกัน ปลูกฝัง ปราบปราม มาใช้ ”ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าว

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments