เมื่อวันที่ 25 กันยายน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้า กรณีที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เตรียมพิจารณาเลิกจ้างองค์การค้า(อค.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จัดพิมพ์หนังสือเรียนที่สสวท.เป็นผู้แต่ง เนื่องจากที่ผ่านมา การจัดพิมพ์หนังสือเรียนขององค์การค้าฯ มีความล่าช้า ซึ่งก็สอดคล้องกับการจัดพิมพ์สื่อการเรียนการสอนทางไกล ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน ว่า เรื่องนี้ถือว่า องค์การค้าฯ โดนสอนมวย ดังนั้นต่อไปองค์การค้าฯ จะต้องปรับปรุงเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันต่อการแข่งขันในอนาคต ส่วนกรณีของสสวท.นั้น เท่าที่ทราบ ขณะนี้มีการเจรจากันเข้มข้น ส่วนทางสพฐ. ก็ได้ดูข้อกฎหมายแล้วว่า สามารถ จ้างสำนักพิมพ์อื่นได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถือเป็นตัวกระตุ้นให้องค์การค้าฯ ปรับปรุงตัวเองแล้ว คิดว่าผู้อำนวยการองค์การค้าฯ คนใหม่ก็คงคิดหาทางแก้ไขเรื่องนี้
นายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการศธ. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ กล่าวว่า เท่าที่ตนดูปัญหาการจัดพิมพ์หนังสือเรียนขององค์การค้าฯ ภาพรวมอยู่ที่กระบวนการ ซึ่งมีความเชื่อมโยงตั้งแต่การส่งต้นฉบับ หากไม่มีความล่าช้า ส่วนตัวเชื่อว่าองค์การค้าฯจะสามารถจัดพิมพ์หนังสือเรียนได้ทันตามกำหนดแน่นอน ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องนี้ ควรมาทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างองค์การค้าฯ และสพฐ. หรือหน่วยงานที่จะจ้าง องค์การค้าฯ จัดพิมพ์หนังสือเรียน ให้เป็นระบบ เช่น ต้องส่งต้นฉบับเมื่อไร ดำเนินการจัดพิมพ์ให้แล้วเสร็จภายในเมื่อไร เชื่อว่า เมื่อมีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน จะสามารถจัดพิมพ์หนังสือเรียนได้ตามกำหนดอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามในส่วนของ สสวท. ทราบว่า มีแนวคิดจะหาโรงพิมพ์เอกชนมาดำเนินการแทน แต่ทางองค์การค้าฯ พยายามเข้าไปประสานและเจรจา เพื่อสร้างความมั่นใจ โดยจากข้อมูล สสวท. จ้างองค์การค้าฯ จัดพิมพ์หนังสือเรียนกว่าปีละ 800 ล้านบาท
ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้า กล่าวต่อไปว่า เร็ว ๆ นี้ ตนจะแผนการดำเนินการเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการองค์การค้าฯ หากที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่เสนอ ตนมั่นใจว่าจะสามารถพิมพ์หนังสือเรียนได้ทันภายในเดือนเมษายน ปี2562 อย่างแน่นอน หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถส่งต้นฉบับให้องค์การค้าฯ ได้ภายในเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้จากการตรวจสอบผลประกอบการภาพรวมขององค์การค้าฯ ในปีนี้ เบื้องต้นพบว่า มีรายได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท มีผลกำไรมากกว่าปีที่ผ่าน ซึ่งมีรายได้ไม่ถึง 2,000 ล้านบาท ส่วนจำนวนยอดหนี้ เบื้องต้นอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากพอสมควรแต่มีแผนในการชำระหนี้กับหน่วยงานต่าง ๆ ไว้แล้ว ส่วนปีที่ผ่านมาสามารถชำระหนี้ไปได้เท่าไรนั้น ตนยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอน