เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 ที่โรงแรมอัลวาเรซ บุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  เป็นประธานเปิดการประชุมการขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษา พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการด้วยระบบคุณภาพตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (Office of Basic Education Commission Quality Award : OBECQA)

โดย น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้บริหารสถานศึกษาที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ซึ่งสะท้อนถึงผลลัพธ์ของการบริหารที่ดีเยี่ยมของโรงเรียนในโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล ฝากถึงผู้บริหารสถานศึกษาทุกท่านให้กลับมามองในบริบทพื้นที่ของท่านที่มีความแตกต่าง เพื่อปรับเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอนให้สอดรับกับโลกในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในการที่จะให้เด็ก ๆ เข้าถึงการศึกษา ไม่เพียงแต่ในด้านวิชาการ แต่ยังมีด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านการใช้ชีวิต ด้วย  โดยเฉพาะสิ่งที่โดดเด่น คือ ภูมิปัญญาท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างอัตลักษณ์ให้นักเรียน  โดยนักเรียนระดับมัธยมฯเป็นวัยที่กำลังแสวงหาทางเลือกในอนาคตของตัวเอง ดังนั้น โรงเรียนจะต้องจัดหลักสูตรที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักเรียน เพื่อให้มีโอกาสได้สำรวจความถนัดและความสนใจของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งการเปิดเรียนในหลากหลายสาขาวิชา และการจัดชมรมตามความสนใจที่หลากหลาย เช่น กีฬา ดนตรี สิ่งแวดล้อม ความถนัดอาชีพ อย่างโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติจัดตั้งรวม 18 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา ที่ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นให้เป็น soft power ที่สำคัญของประเทศ

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า อีกกิจกรรมหนึ่งที่อยากจะให้ทุกโรงเรียนดำเนินการให้เด็กมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง คือการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น ผ่านระบบสภานักเรียน ซึ่งเร็วๆนี้จะมีการจัดการสัมนาผู้นำสภานักเรียนทั่วประเทศ เพื่อนำเสนอความคิดเห็นของนักเรียนต่อนายกรัฐมนตรี โรงเรียนมัธยมฯของเรา มีขนาดที่แตกต่างกันมาก ตั้งแต่โรงเรียนขนาดเล็กจนถึงโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ แต่ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนในโรงเรียนขนาดใด ก็อยากให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ตามแนวทาง Active Learning และต้องการให้ สพฐ.วางแผนบูรณาการการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการจัดสรรโอกาสเข้าเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 การยกระดับคุณภาพผู้เรียน โดยเน้นการทำงานแบบบูรณาการข้ามสถานศึกษาและการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่นครูเก่ง สนามกีฬา ตลอดจนห้องปฏิบัติการต่างๆ

“ตั้งแต่ที่เรากลับมาเปิดเรียน on-site 100% พบว่า เกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของนักเรียน ปรากฏอยู่ในสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียจำนวนมาก จึงขอให้ช่วยกันเอาใจใส่ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์บูลลี่ในโรงเรียน ทั้งในระหว่างนักเรียนกันเองและระหว่างครูกับนักเรียน รวมทั้งปัญหาการทะเลาะวิวาท และที่สำคัญคือการดูแลเรื่องจิตใจของนักเรียน หากเกิดปัญหากับนักเรียน นอกจากการป้องกันแล้วหากเกิดเหตุการขึ้นผู้บริหารจะต้องเข้าถึงโดยเร็วที่สุด โดยสามารถใช้ Application MOE safety center เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยเหลือในการป้องกันและแก้ไขปัญหา”น.ส.ตรีนุช กล่าวและว่า นอกจากนี้ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งครูและนักเรียน ได้รู้จักกับการเรียนรู้ผ่านรูปแบบออนไลน์มากขึ้น  นักเรียนมีความสามารถและสนใจกับการเรียนในรูปแบบการเรียนผ่านการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้น สถานศึกษาจะต้องหาแนวทางเพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนและการเรียนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการขับเคลื่อนทั้งหมดนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันดูแลนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาอย่างเต็มที่ จึงประสบผลสำเร็จ โดยปัจจัยหลักที่จะถ่ายทอดและนำนโยบายสู่การปฏิบัติเชิงพื้นที่ได้ดีที่สุด คือ ผู้บริหารสถานศึกษาได้มีโอกาสลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมโรงเรียน ทั้งนี้ขอให้ผู้บริหารโรงเรียนทุกท่าน ประสานการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายในบริบทของพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการรับและส่งต่อลูกหลานให้ได้รับการศึกษา ที่มีคุณภาพไม่ว่าจะเป็นการรับช่วงต่อจากโรงเรียนระดับประถมศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน และโรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษาและการส่งต่อนักเรียนไปสู่ระดับอาชีวศึกษา หรือระดับมหาวิทยาลัยต่อไป.

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments