นโยบายและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศของรัฐบาล ได้ประกาศให้มีการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต้องตื่นตัว และให้ความร่วมมือดำเนินการเพื่อพัฒนาความสามารถของประชาชนในประเทศ
ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่โรงเรียนพระราชทานเกาะพีพี และโรงเรียนบ้านแหลมตง จังหวัดกระบี่ เพิ่อเก็บข้อมูลประกอบการจัดทำแผนปฏิรูปการศึกษา ทั้งนี้ ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ได้ยึดกรอบยุทธศาสตร์ชาติเป็นหลัก ซึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญประการหนึ่ง ที่ได้มีการพิจารณา คือ ยุทธศาสตร์ในการแข่งขัน ซึ่งในการดำเนินการสู่ยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้มีการดำเนินการหลายแนวทาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งของประเทศ และที่ผ่านมาก็จะเน้นในเรื่องของการวิจัยสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้มหาวิทยาลัยเกิดความเข้มแข็ง อาชีวศึกษาจะต้องสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ให้คิดวิเคราะห์เป็น และในส่วนของการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษานอกระบบ ก็เป็นเป้าหมายหนึ่งที่เราจะต้องสร้างให้เขามีความพร้อมให้มากที่สุดเช่นกัน
“ในเรื่องของการที่จะมีความพร้อมในการแข่งขัน สิ่งที่เราทำก็คือการสร้างให้กลุ่มเป้าหมายของเราหรือผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกระดับ รวมถึงการศึกษานอกโรงเรียนด้วย ก็ต้องสร้างให้เขามีความสามารถคิด วิเคราะห์ สามารถที่จะวิเคราะห์ปัญหาและสร้างนวัตกรรมที่จะแก้ปัญหาซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะส่งต่อสู่ระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ที่จะมีกำลังพลที่เข้มแข็งและสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศได้”เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวและว่า สำหรับพื้นที่พิเศษไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชายแดน พื้นที่ท่องเที่ยว ต่าง ๆ ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ศธ.ต้องดูแลเป็นพิเศษเช่น กัน อย่างเช่น เกาะพีพี แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมากหลายล้านคน ดังนั้นจำเป็นต้องสร้างให้คนเกาะพีพีมีความพร้อมในการที่จะรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งการที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้ คนเกาะพีพี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศได้ ซึ่งเป้าหมายของโรงเรียนที่เกาะพีพี ที่เราดำเนินการทางด้านการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบ ก็คือการที่จะทำให้เด็กของเรามีความสามารถในการคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาสามารถทำงานกับคนที่อยู่ต่างแดนได้ ซึ่งจะต้องมีพื้นฐานทางด้านภาษาและพื้นฐานในเรื่องของการที่จะเข้าใจสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวด้วย