เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2565 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แนะนำให้หน่วยงานของรัฐนำระบบ Block chain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่สำคัญมาใช้ในงานบริการภาครัฐ ด้านการจัดเก็บข้อมูลภาครัฐ เนื่องจากมีคุณลักษณะที่มีความถูกต้องเที่ยงตรงของข้อมูล (Data Integrity) ความโปร่งใสในการเข้าถึงข้อมูล (Data Transparency) และมีความสามารถในการทำงานได้อย่างต่อเนื่องของระบบ (Availability) และเปิดโอกาสให้ประชาชน มีสิทธิเป็นเจ้าของข้อมูลของตนเองได้ด้วย ซึ่งตนจะเชิญผู้บริหารระดับสูงแต่ละองค์กรหลักมาทำความเข้าใจว่าเรารู้จักระบบนี้มากน้อยแค่ไหน
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ เพราะเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย หน่วยงานไหนจะสามารถนำระบบ Block chain มาใช้ได้บ้าง เพราะจะทำให้งานรวดเร็วและกระชับมากขึ้น”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า ส่วนเรื่องการยกระดับการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ต้องรอฟังการประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)ก่อน และต้องคุยกับ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมสำหรับสถานศึกษาเพื่อเสนอให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ หรือไม่
น.ส.ตรีนุช กล่าวอีกว่า โควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่ง ศธ.ได้เน้นย้ำให้สถานศึกษาปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ และ มาตรการความปลอดภัย 6-6-7 เพื่อลดความเสี่ยงโควิดในสถานศึกษา โดย 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) คือ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ คัดกรองวัดไข้ ลดการแออัด และทำความสะอาด 6 มาตรการเสริม คือ ดูแลตนเอง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว กินอาหารปรุงสุกใหม่ ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน สำรวจตรวจสอบ และกักกันตัวเอง และ 7 มาตรการเข้ม สำหรับสถานศึกษา 1.ประเมิน TSC+ และรายงานผลผ่าน MOE COVID อย่างต่อเนื่อง 2.Small Bubble ทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย 3.อาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ 4.อนามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งอากาศ ความสะอาด น้ำ ขยะ 5.School Isolation มีแผนเผชิญเหตุและซักซ้อม 6.Seal Route ดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน 7. School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาได้รับวัคซีนจำนวนมากที่สุดอย่างน้อย 85 %
