เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานเลขาธิการ สกสค. ว่า ส่อไม่เป็นธรรม และเหตุที่ต้องมาร้องต่อนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ก็เนื่องจากเคยร้องคัดค้านถึงความไม่เป็นธรรมต่อบอร์ด สกสค. ที่มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังคงไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่
นายธนพร กล่าวต่อไปว่า สำหรับสาระสำคัญของข้อร้องเรียน มีดังนี้ 1. ความผิดปกติที่คณะกรรมการประเมินชุดเดิมลาออกทั้งชุด เมื่อตั้งคณะกรรมการชุดใหม่มีกรรมการประเมินบางคนที่มีอดีตที่ส่อถึงความไม่เป็นกลางและมีอคติต่อผู้ถูกประเมิน 2.คัดค้านเกณฑ์การประเมินที่จะนำมาใช้ เพราะแม้ทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค. ซึ่งได้อนุมัติจากบอร์ด สกสค.แล้ว จะได้คะแนนเพียงร้อยละ 60 ซึ่งถ้าจะผ่านการประเมินกลับต้องได้คะแนนรวมถึงร้อยละ 65 ขึ้นไป จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถผ่านการประเมินตั้งแต่ยังไม่ได้ทำการประเมิน อีกทั้งเกณฑ์ประเมินนี้ถูกกำหนดขึ้นหลังจากเลขาธิการ สกสค.ได้ปฏิบัติงานเสร็จภารกิจตามระยะเวลาของการประเมินไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับมาทำตามเกณฑ์ใหม่ได้ 3.คัดค้านการนำหัวข้อด้านสมรรถนะผู้บริหารซึ่งไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญาจ้างและแผนปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค.มาใช้เป็นตัวชี้วัดในการประเมินเพราะเป็นใช้ดุลยพินิจ ของบุคคลคือกรรมการประเมินในการให้คะแนนโดยปราศจากตัวชี้วัดที่เป็นวิทยาศาสตร์ 4.ตัวชี้วัดหลายงาน ถูกผลกระทบจากภาวะ covid-19 เช่น โรงแรมครู โรงพยาบาลครูและการตรวจสุขภาพครู ซึ่ง เลขาธิการ สกสค. ได้ร้องขอให้มีการปรับลดเกณฑ์ประเมินผ่านในหัวข้อเหล่านี้ เนื่องจากสุดวิสัยทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.และกระทรวงศึกษาธิการแต่กลับไม่ได้รับการพิจารณา 5.มีการประชุมเปลี่ยนแปลงมติ กลับไปกลับมา ว่าจะใช้เกณฑ์แบบใดในการประเมินของบอร์ด สกสค.จนส่อถึงความผิดปกติ และ 6. คณะกรรมการ สกสค. มีมติให้ เกณฑ์การประเมินล่าสุดเป็นที่ยุติ จึงไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกประเมินได้มีโอกาสคัดค้านหากเกณฑ์ประเมินยังคงไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในระบบราชการ จึงต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรมข้างนอก
“คณะกรรมการประเมินฯ ส่งเกณฑ์การประเมินผลงานของเลขาธิการ สกสค. มาให้ที่ห้องทำงานของผมและส่งมาทางไปรษณีย์ด้วย ซึ่งในทางกฎหมายต้องถือว่าผมได้รับทราบเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้เซ็นรับทราบก็ตาม และที่สำคัญได้มีการลงท้ายด้วยว่ามติของบอร์ด สกสค.ได้ตัดสินว่าเกณฑ์ดังกล่าวถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมยืนยันว่าเกณฑ์ดังกล่าว เป็นเกณฑ์เดิม คือ ถ้าปฏิบัติงานได้ตามแผนจะได้คะแนน 60% แต่ถ้าจะผ่านเกณฑ์จะต้องได้ 65% ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะผมไม่สามารถย้อนเวลามาทำให้ได้ตามกติกาใหม่ได้ เพราะกติกาก็เพิ่งจะออก ที่สำคัญคือ เรื่องการประเมินสมรรถนะซึ่งเป็นเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ไม่มีตัวชี้วัดที่เป็นวิทยาศาสตร์ คะแนนขึ้นอยู่กับปากกาของคนประเมิน ซึ่งคิดว่าไม่เป็นธรรมและไม่มีการระบุในสัญญาจ้างด้วย ฉะนั้น การที่ผมมายื่นร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และเป็นการแสดงให้สังคมรู้ และเป็นอุทาหรณ์ว่าถ้าการเมืองมายุ่งกับระบบราชการคนที่ได้รับผลกระทบคือครู บุคลากรทางการศึกษา เด็ก และเยาวชน”นายธนพร กล่าว