เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)อนุมัติฉีดวัคซีนกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่า เบื้องต้นต้องรอความชัดเจนจากทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ก่อน แต่ส่วนตัวไม่มีความกังวล เพราะกระบวนการต่าง ๆ เป็นไปตามขั้นตอน และที่ผ่านมาการฉีดวัคซีนเด็กอายุ 12-18 ปี ทางสธ. ก็สามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี โดยขณะนี้สามารถฉีดวัคซีนครู นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาไปแล้วกว่า 95% ดังนั้นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ คือการเตรียมสำรวจตัวเลข เพื่อเตรียมความพร้อม หากสธ. อนุมัติให้ฉีดก็สามารถเดินหน้าได้ทันที ประเด็นสำคัญคือ สร้างการรับรู้ให้ประชาชนมีความเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัย ลดการแพร่ระบาด รวมถึงเร่งสร้างสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนให้เป็นสถานที่ปลอดภัย ตามมาตรการของสธ.ส่วนการบู๊สเข็ม3 ให้กับเด็กนั้นต้องรอดู สธ.แต่ที่สำคัญคือการสร้างการรับรู้ให้กับผู้ปกครอง
ด้าน ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่เราต้องตระหนัก เน้นการป้องกันมากกว่าการแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมาสถานศึกษาทุกแห่งมีมาตรการ มีคู่มือให้สถานศึกษาควบคุม ตั้งแต่การเฝ้าระวัง การป้องกัน ตั้งแต่อยู่ที่บ้านจนมาถึงโรงเรียน และตอนนี้เราต้องป้องกันให้เข้มข้นมากกว่าเดิม ส่วนการเตรียมนักเรียนที่จะฉีดวัคซีน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)จะต้องทำอย่างเร่งด่วนคือการรณรงค์คู่กับการสำรวจนักเรียน ที่สำคัญทำอย่างไรจะสร้างความเข้าใจให้กับผู้ปกครองและนักเรียนให้สมัครใจที่จะฉีดวัคซีนให้ครบ ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากแล้ะต้องช่วยกัน