เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการก กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า มีผู้ปกครองแสดงความประสงค์ยินยอมให้นักเรียนฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น จากเด็กอายุ 12-18 ปีที่มีทั้งหมดกว่า 5 ล้านคน แจ้งความประสงค์ฉีดประมาณ 3.8 ล้านคนหรือเกือบ 80% แล้ว จากเดิมที่แจ้งความประสงค์ 3.6 ล้านคน และระหว่างนี้ก็ยังมีผู้ปกครองแจ้งความประสงค์เพิ่มมามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ในการเปิดภาคเรียนที่จะถึงนี้ แม้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)จะเป็นผู้จัดการศึกษา แต่ก็ต้องมีมาตรการเว้นระยะห่าง และมาตรการป้องกันตามที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กำหนดด้วย โดย สธ.กำหนดให้การเปิดเรียนในสถานศึกษา มีนักเรียนประมาณ 10-15% ต้องสุ่มตรวจหาเชื้อทุก 2 สัปดาห์ ซึ่งตรงนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นตนจะไปหารือกับทาง สธ.อีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปว่าหน่วยงานไหนจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดเตรียมอุปกรณ์ และหน่วยงานไหนที่จะมาตรวจหาเชื้อให้นักเรียน

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่ผู้ปกครองบางส่วนที่กังวลว่าเมื่อเปิดเทอมแล้ว เด็กที่ไม่ประสงค์หรือยังไม่ได้รับวัคซีนจะทำอย่างไรนั้น ตนมองว่าการฉีดวัคซีน ไม่ได้ยืนยันว่าเด็กจะไม่ติดเชื้อโควิด-19 แต่เป็นการป้องกันการติดเชื้อแล้วจะลดความรุนแรง และลดความเสี่ยงให้น้อยลง ซึ่งเด็กกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนก็สามารถมาเรียนที่โรงเรียนได้ ทั้งนี้ศธ. ได้ประสานกับ สธ. ตลอดเวลาเพื่อจัดทำมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในโรงเรียน อย่างไรก็ตามหากนักเรียนและผู้ปกครองเปลี่ยนใจให้เด็กฉีดวัคซีน ก็สามารถแจ้งความประสงค์มาได้ เพราะรัฐบาลเตรียมสำรองไว้เพียงพออยู่แล้ว

“ดิฉันไม่กังวลเรื่องการเปิดภาคเรียนที่ 2 เพราะเราอยู่กับโควิด-19 มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และประชาชนก็ทราบว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับโควิด-19 ไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นจะต้องมีมาตรการ มีแผนเผชิญเหตุ เพื่อสร้างความมั่นใจกับนักเรียนให้มาเรียนในรูปแบบ On Site ได้” น.ส.ตรีนุช กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เกิดกระแสในโลกออนไลน์โดยมีนักเรียนและผู้ปกครองบางส่วนไม่ยินยอมฉีดวัคซีนเพราะกลัวจะเสียชีวิต น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ตนรับทราบปัญหา และจะเร่งประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับนักเรียนและผู้ปกครองต่อไป ทั้งนี้จากที่แพทย์ให้คำแนะนำพบว่า มีเด็กได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนน้อยมาก

ดร.สุภัทร กล่าวว่า ขณะนี้ครูทั่วประเทศได้รับวัคซีนไปแล้ว 78% แต่ยังเหลือครูประมาณ 1.9 แสนคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ส่วนวัคซีนจะทยอยเข้ามาเรื่อยๆ คาดว่าจะได้รับครบ 8 ล้านโดส ภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนความกังวลว่านักเรียนที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี จะจัดการเรียนการสอนอย่างไร เด็กสามารถมาเรียนในโรงเรียนได้หรือไม่ จากการหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ ได้รับข้อมูลว่าหากครู และผู้ปกครอง ได้รับวัคซีนครบทุกคน ก็จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยกับเด็ก เด็กก็จะสามารถมาเรียนในโรงเรียนเช่นเดียวกัน ส่วนที่มีข่าวว่ามีการตัดโควตาวัคซีนนั้น เรื่องวัคซีนขาดไม่มี เพราะส่งทุกสัปดาห์ กลัวแต่ว่าจะไม่มาฉีดเท่านั้น

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments