ดร.ปกรณ์ ตันสกุล อดีตรองอธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กรณีพระสงฆ์ระดับชั้นพระสังฆาธิการ ตั้งวงดื่มสุราในโบสถ์หน้าพระประธาน มีคนถามมามากว่าเป็นการอาบัติแบบไหนอย่างไร ทำไมยังไม่ถูกจับสึกทันที ตนก็เลยอยากจะแชร์ ข้อมูลให้เป็นความรู้กันว่า อาบัติ ปาจิตตีย์ เป็นชื่ออาบัติจำพวกหนึ่งในอาบัติทั้ง 7 จัดไว้ในพวกลหุกาบัติคืออาบัติเบาที่เปรียบด้วยลหุโทษ ลหุกาบัติ (อ่านว่าละหุกาบัด) อาบัติเบา ได้แก่ อาบัติที่เมื่อภิกษุต้องแล้ว จะต้องบอกแก่ภิกษุด้วยกันจึงจะพ้นจากอาบัตินั้น ได้แก่ อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และทุพภาษิต อนิยต (อ่านว่า อะนิยด) ชื่ออาบัติที่ไม่แน่นอนว่าจะเป็นอาบัติปาราชิก สังฆาทิเสส หรือปาจิตตีย์ ซึ่งพระวินัยธรจะต้องวินิจฉัย. และ คำว่า อาบัติ หมายถึง โทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทหรือข้อห้ามแห่งภิกษุ มี 7 อย่าง คือ ปาราชิก สังฆาทิเสส ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฎ ทุพภาษิต มีโทษ 3 สถาน คือ 1. โทษสถานหนัก เรียกว่า ครุโทษ หรือ มหันตโทษ ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติขาดจากความเป็นภิกษุ ได้แก่ อาบัติปาราชิก ซึ่งเรียกว่า ครุกาบัติ 2. โทษสถานกลาง เรียกว่า มัชฌิมโทษ ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติต้องอยู่กรรมก่อนจึงจะพ้นโทษ ได้แก่ อาบัติสังฆาทิเสส และ 3. โทษสถานเบา เรียกว่า ลหุโทษ ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติที่ตํ่ากว่าอาบัติสังฆาทิเสสต้องปลงอาบัติ คือ บอกอาบัติของตนเองแก่ภิกษุด้วยกัน ได้แก่ อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และทุพภาษิต ซึ่งเรียกว่า ลหุกาบัติ
ดร.ปกรณ์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม การที่พระดื่มเหล้ามีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว เป็นพระอรหันต์ด้วย ชื่อ พระสาคตะเถระ ท่านแสดงฤทธิ์ปราบพญานาคแล้ว ชาวบ้านเลื่อมใสเลี้ยงดูตอบแทนด้วยการถวายสุราให้ดื่มจนเมานอนข้างถนน พระพุทธเจ้าทรงติเตียนแล้วบัญญัติโทษว่าเป็นปาจิตตีย์ตั้งแต่นั้นมา แต่ปัจจุบันการดื่มเหล้า เล่นการพนันถือว่าเป็นโลกวัชชะ ชาวโลกติเตียน พระสังฆาธิการชั้นปกครองต้องให้สึก