เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2564 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้จัดแถลงข่าว เปิดแผนรับมือสถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทย โดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สจล. กล่าวว่า  ศูนย์รวมนวัตกรรม KMITL GO FIGHT COVID-19  สจล. ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ประเทศไทยสามารถสร้างเทคโนโลยีทางการแพทย์สู้กับโควิด 19 ในปีที่ผ่านมาได้สำเร็จ ถึงวันนี้คณาจารย์ นักศึกษา และทีมวิจัยของ สจล.ได้สร้างนวัตกรรมและได้นำไปใช้แล้ว 9 ชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกไปตรวจเชื้อ ทั้งตู้ตรวจเชื้อความดันบวก รถตรวจเชื้อ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้จริงในการดูแลบุคลากรทางการแพทย์ที่ตรวจเชื้อโควิด 19  ขณะเดียวกันก็มีตู้ความดันลบ ที่ใช้ในการกักเชื้อสำหรับผู้มีความเสี่ยงหรือสงสัยเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย ซึ่งมีในการใช้ในโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขกว่า 300 แห่ง ใน 66 จังหวัด  อีกทั้งยังได้ร่วมกับองค์กรชั้นนำในการนำเครื่องฆ่าเชื้อไปใช้   และที่เป็นไฮไลท์ คือ เครื่องช่วยหายใจขนาดเล็กที่เราสร้างขึ้นในช่วงที่ประชาชนเป็นห่วงว่าจะมีเครื่องช่วยหายใจไม่เพียงพอ วันนี้ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดสู่ยุคเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นสูงด้วยการใช้เครื่องเป่าลมเครื่องแรกโดยฝีมือคนไทย เป็นต้น

“นวัตกรรมที่สร้างขึ้นวันนี้ เป็นความภาคภูมิใจและเป็นการการันตีกับพี่น้องประชาชนว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยจะยกระดับเทคโนโลยีทางการแพทย์ ‘ไทยทำ ไทยใช้ ไทยรอด’ และก้าวกระโดดสู่ยุคการสร้างโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร โรงพยาบาลผู้นำในการรักษาพยาบาลและสร้างเครื่องแพทย์ นวัตกรรมทางการแพทย์ครบวงจรในประเทศไทย อย่างไรก็ตามความสำเร็จที่เกิดขึ้น เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนในการร่วมบริจาคภายใต้ศูนย์โควิด 19 ของ สจล. ทำให้สามารถแจกจ่ายเครื่องมือแพทย์ไปได้มากกว่า 800 ชิ้นใน 66 จังหวัด และ 3 ประเทศ คือ มัลดีฟ  สปป.ลาว ที่เอาเครื่องช่วยหายใจไปใช้ และ เมียนมา ที่เอาตู้ตรวจเชื้อความดันบวกไปใช้ต่อสู้กับเชื้อโควิด 19 ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย”อธิการบดี สจล.กล่าว

สำหรับนวัตกรรมคณาจารย์ นักศึกษา และทีมวิจัยของ สจล. พัฒนาขึ้นได้และส่งมอบนำไปใช้แล้ว ได้แก่

  • เครื่องช่วยหายใจแบบฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการออกแบบให้สามารถใช้งานง่ายและสามารถเคลื่อนย้ายในกรณีฉุกเฉิน ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก พกพาได้ง่าย มีแบตเตอรี่ในตัว เหมาะกับสถานการณ์ที่ต้องใช้เร่งด่วน ในการช่วยเหลือผู้ป่วย หรือกรณีเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ใช้งานได้ทั้งในสถานพยาบาล รถพยาบาล หรือหน่วยงานแพทย์เคลื่อนที่
  • กล่องอบฆ่าเชื้อโรคระบบปิด สามารถนำเครื่องมือทางการแพทย์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่ต้องการปลอดเชื้อ เข้าไปอบในกล่องด้วยระบบรังสีอัลตร้าไวโอเลต โดยเสียบใช้ไฟฟ้าบ้านได้ และตัวเครื่องออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก
  • เครื่องอบฆ่าเชื้อโรคระบบปิด ฆ่าเชื้อโรคด้วยระบบโอโซน ภายในพื้นที่ 50 ตารางเมตร สามารถตั้งเวลาทำงานได้ ใช้ฆ่าเชื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์หรืออุปกรณ์ที่ต้องการปลอดเชื้อ
  • ระบบคัดกรองบุคคลด้วย AI ใช้หลักการทำงานโดยระบบจะมีสัญญาณ สามารถต่อกับไซเรน หรือระบบติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้ โดยระบบจะทำการประมวลผลและแจ้งภายในเวลา 0.5 วินาที แต่หากตรวจจับได้ว่าอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส จะมีแถบสีแดงแสดงอุณหภูมิจริง เพื่อคัดแยกผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง
  • ตู้ตรวจเชื้อ (Swab Test) ความดันบวก (Positive Pressure) ใช้หลักการทำงานโดยแพทย์ประจำอยู่ในตู้เพื่อทำการตรวจเชื้อจากผู้ที่อยู่ภายนอก ซึ่งจะทำให้แพทย์ตรวจเชื้อได้หลายครั้งโดยไม่ต้องเปลี่ยนชุด PPE อีกทั้งยังมีแรงดันบวกที่ทำให้สามารถผลักอากาศด้านนอก ป้องกันเชื้อไวรัสที่ลอยเข้าไปในตัวตู้กระจก เพิ่มความปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ขณะตรวจผู้ที่มีความเสี่ยง
  • ตู้ตรวจเชื้อ (Swab Test) ความดันลบ (Negative Pressure) ใช้หลักการทำงานโดยผู้มีความเสี่ยงประจำอยู่ในตู้ ขณะที่แพทย์สอดมือเข้าไปทำหัตถการ Swab โดยภายในห้องใช้ระบบควบคุมความดันลบ พร้อมติดตั้งระบบกรองและฆ่าเชื้อด้วย UV-C และ HEPA ก่อนปล่อยอากาศสู่ภายนอก ป้องกันและควบคุมเชื้อไม่ให้ออกสู่ภายนอกเมื่อเปิดประตู
  • รถตู้ตรวจเชื้อ (Mobile Swab Test) ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดการอำนวยความสะดวกโรงพยาบาล หน่วยงาน หรือจุดคัดกรอง สามารถเคลื่อนที่ไปได้ทุกที่ เพื่อใช้ตรวจเก็บตัวอย่างหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยมีการใช้ระบบปรับความดันอากาศภายในให้เป็นบวก เพื่อป้องกันอากาศภายนอกที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคไม่ให้ผ่านเข้าไปในตัวรถ ทำให้แพทย์ที่ประจำอยู่ในรถสามารถทำการตรวจเชื้อจากภายในได้อย่างปลอดภัย และสามารถรองรับการตรวจผู้ป่วยได้จำนวนมาก ถึง 100 คนต่อวัน
  • ชุด PAPRs ถูกออกแบบในการคลุมเฉพาะศีรษะ มีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ (Blower box) พร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์ตไฟบ้านได้ การออกแบบโดยประยุกต์การใช้งานของหมวก Safety ให้สวมใส่ง่าย สบาย และสามารถปรับให้พอดีกับศีรษะ ภายในหมวกมีความดันเป็นบวกคงที่ขณะสวมใส่ ลดการรั่วไหลของอากาศ Face Shield ใช้วัสดุการสะท้อนแสงทำให้มีวิสัยทัศน์ชัดเจน มีระบบการกรอง Filtration system สามารถใช้หัวกรองออกซิเจนและถอดประกอบได้ตามการใช้งานจริง และที่สำคัญสามารถใช้ได้หลายครั้ง เนื่องจากสามารถซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้
  • หุ่นยนต์ RAIBO-X ฆ่าเชื้อโรค ด้วยแสง UV ครั้งแรกของคนไทย โดยฝีมืออาจารย์และนักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. โดยมีประสิทธิภาพที่จะสามารถฆ่าเชื้อโรค ด้วยแสง UV-C ในรัศมี 1 – 1.5 เมตร ซึ่งจะมีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสิ่งมีชีวิตหรือเชื้อโรคขนาดเล็ก อาทิ ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ รวมถึงเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งหุ่นยนต์ RAIBO-X มีการใช้งานด้วยระบบ AI ทำให้สามารถควบคุมระยะไกลผ่านรีโมทคอนโทรล เพื่อความปลอดภัยของผู้ควบคุม เนื่องจากแสง UV มีรังสีที่อันตรายจึงต้องควบคุมจากด้านนอกพื้นที่ แต่ยังมีความสะดวกในการใช้งานด้วยระบบแบบไร้สาย จะทำให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างละเอียดและควบคุมได้ง่ายและปลอดภัย

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจร่วมบริจาคเพื่อสมทบทุนการผลิตเพื่อแจกจ่ายแก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ สามารถบริจาคได้ที่ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 693-031-750-0 สาขา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ชื่อบัญชี สจล. นวัตกรรมสู้ COVID-19” หรือติดต่อขอรับนวัตกรรมได้ที่ สำนักงานบริหารงานวิจัยและนวัตกรรม (KRIS) หรือโทร. 084-068-7731

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments