เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2563 รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ กพฐ. ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหา เห็นได้จากการจัดอันดับ ของ Education First หรือ อีเอฟ ในกลุ่มประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ จำนวน 100 ประเทศ ซึ่งไทยตกลงมาอยู่อันดับที่ 89 ถือว่าทักษะอยู่ในอันดับค่อนข้าง ต่ำ โดยที่ประชุมมองว่า จะต้องเร่งพัฒนาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เริ่มจากสร้างระบบนิเวศน์ในสถานศึกษาให้โรงเรียนมีระบบที่เอื้อต่อการใช้ภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกันครูต้องพยายามสื่อสารกับเด็กเป็นภาษาอังกฤษ อาทิ จัดทำป้ายต่าง ๆ ภายในโรงเรียนให้มีภาษาอังกฤษกำกับทั้งหมด โดยหาโรงเรียนที่เป็นเลิศทางด้านนี้ เป็นต้นแบบเพื่อถ่ายเทองค์ความรู้จากโรงเรียนหนึ่งไปยังโรงเรียนหนึ่ง นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาครู ที่ทำหน้าที่สอนภาษาอังกฤษ ด้วย โดยในปัจจุบันมีครูที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ในระดับปานกลาง หรือ B1 ตามเกณฑ์ของ CEFR ไม่ถึงครึ่งทั้งที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ
ประธาน กพฐ.กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของทั้งครูและนักเรียนค่อนข้างมาก โดยเร็ว ๆ นี้จะมีการประชุมกพฐ.สัญจร ก็จะมีการหารือเรื่องการจัดทำแผนพัฒนาดังกล่าว รวมถึงได้เสนอให้การสอบคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษา ให้สอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียน ขณะเดียวกันเมื่อได้ไปเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน จะต้องทำแผนการพัฒนาภาษาอังกฤษของเด็กในแต่ละปี เชื่อว่า เด็กจะค่อย ๆ พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้เด็กไทยพูดสำเนียงอังกฤษ แต่ขอให้มีความกล้าในการสื่อสารภาษาอังกฤษมากขึ้น
“ที่ประชุมยังได้เห็นชอบตามที่มีสพฐ.ได้มีการควบรวมสถานศึกษาจำนวน 29 แห่งและขอยุบเลิกสถานศึกษา 17 แห่ง ซึ่งในอนาคตโรงเรียนที่ขอควบรวมก็ต้องมีแนวทางชัดเจนว่า เมื่อควบรวมแล้วจะขอยกเลิกภายในระยะเวลาเท่าไร เพื่อไม่ให้เกิดปรากฏการบรรจุผู้บริหารลงไปในโรงเรียนที่ไม่ได้ทำการเรียนการสอนแล้ว โดยเห็นว่า หากทำการควบรวมแล้ว ภายใน 1 ปีควรจะทำการขอยุบเลิก และนำสถานที่ไปใช้ประโยชน์ทางราชการได้”รศ.ดร.เอกชัย กล่าว