เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้หารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลการทำงานร่วมกัน เนื่องจากแผนงานการพัฒนาประเทศด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งแผนงานเหล่านี้เกี่ยวข้องกับ ศธ. เพราะศธ.เป็นหน่วยงานในการพัฒนาคน โดยตนได้อธิบายและเสนอแผนงานในการพัฒนาการศึกษาของ ศธ.ไปเช่น การพัฒนาโรงเรียนคุณภาพในจังหวัดต่างๆ การพัฒนาโรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมืองเป็นต้น ส่วนเรื่องการพัฒนาคนด้านกีฬา ที่ประชุมเห็นว่ากีฬาเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องผลักดันให้เกิดมากขึ้นในชีวิตประจำวันของนักเรียน ซึ่งตรงกับแนวคิด ศธ.ที่จะผลักดันเรื่องกีฬาในชีวิตประจำวันของนักเรียน โดยให้นักเรียนเล่นกีฬาเพื่อออกกำลังกาย ประมาณ5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กสัมผัสกีฬาที่หลากหลายและค้นหาความถนัดของตนเอง เช่น การจัดกีฬาสีในโรงเรียน หรือจัดแข่งขันกับโรงเรียนอื่นๆ ส่วนจะผลักดันได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน หรือทักษะด้านกีฬาของครู ซึ่งต่อไป ศธ.จะสรุปข้อมูลจำนวนครูที่สนใจเข้าร่วมฝึกกีฬาชนิดต่างๆเพื่อเสริมสร้างทักษะให้สามารถฝึกสอนนักเรียนได้ ทั้งนี้ตนหวังว่าถ้า ศธ.ลดภาระครูลงเชื่อว่าครูจะมีเวลาในการเรียนการสอนและมีเวลาร่วมกิจกรรมอื่นๆมากขึ้น
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ที่ประชุมเสนอว่าอาจต้องมีการปรับการเรียนการสอนด้านวัฒนธรรม การเผยแพร่วัฒนธรรมระหว่างจังหวัดผ่านการทัศนศึกษา หรือรับข้อมูลกระกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน หรือจะร่วมมือกันพัฒนาแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมในโรงเรียนหรือห้องสมุด เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมของชาติและของท้องถิ่นด้วยตนเอง เชื่อว่า ศธ.และวธ.สามารถแบ่งปันทรัพยากรการเรียนรู้ร่วมกัน รวมถึงการสร้างแรงจูงใจให้เด็กเห็นความสำคัญในการรักษาวัฒนธรรมของของตน
“ในส่วนของการร่วมมือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้น ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการพัฒนาทักษะดิจิทัล, การพัฒนาครูต้นแบบด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี, การพัฒนาโรงเรียนต้นแบบทักษะศตวรรษที่ 21 ตลอดจนการจัดทำข้อมูลสารสนเทศกำลังคนที่มีความสามารถพิเศษของประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ศธ.ได้วางแผนพัฒนาอยู่แล้ว เพียงแต่จะสามารถพัฒนาได้มากแค่ไหน ต้องวางแนวทางพัฒนาอีกครั้ง ส่วนความร่วมมือพัฒนาแรงงาน คือถ้า ศธ.สามารถพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพมากขึ้น จะมีห้องปฏิบัติการต่างๆ ในระดับชั้นประถมศึกษาเพื่อเสริมทักษะด้านอาชีพ และทักษะชีวิตให้กับนักเรียนซึ่งจะทำให้เด็กสามารถตัดสินใจอนาคตตัวเองได้ว่าต้องไปเรียนต่อสายอาชีพ หรือสายสามัญ ทั้งหมดนี้กลับมาที่ ศธ.ที่ต้องผลักดันให้แต่ละโรงเรีนนมีจำนวนนักเรียนไม่เกิน2,000 คน เพื่อสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีคุณภาพ ศธ.ได้แลกเปลี่ยนแผนการทำงานกับคณะกรรมการ ฝปฏิรูปประเทศฯ ซึ่งผมคิดว่ามีแนวทางปฏิบัติที่คล้ายกัน แต่ศธ.จะต้องพัฒนาเรื่องเหล่านี้อย่างเข้มข้น เพราะเรากังวลว่าถ้าทำงานช้าจะไม่ทันต่อสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไป” นายณัฏฐพล กล่าว