เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้หารือเรื่องการเตรียมความพร้อมการจัดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้กำหนดให้มีการเทียบเคียงผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู และเปิดโอกาสให้ยื่นผลการทดสอบเพื่อเทียบเคียง ใน 11 วิชา ได้แก่ วิชาการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร วิชาการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร วิชาภาษาอังกฤษ วิชาภาษาจีน วิชาภาษาญี่ปุ่น วิชาภาษาฝรั่งเศส วิชาภาษาเกาหลี วิชาภาษาเยอรมัน วิชาภาษาอาหรับ วิชาภาษาสเปน และวิชาภาษาบาลี ซึ่งคุรุสภาจะกำหนดเกณฑ์ระดับหรือผลคะแนนการสอบ จากหน่วยสอบและชุดทดสอบมาตรฐาน ที่สามารถยื่นขอเทียบเคียงผลการสอบและประเมินสมรรถนะวิชาชีพครูแต่ละวิชาต่อไป เรื่องดังกล่าวทำให้ผู้สอบสามารถยื่นผลการสอบในสถาบันภาษามาเทียบเคียงได้ ถือเป็นมาตรฐานในการคัดเลือกคนเข้าสู่วิชาชีพครู
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีมติแต่ตั้งคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ(กมว.) จำนวน 3 คน เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ซึ่งตนได้เน้นย้ำคุรุสภาให้ขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมให้กับครู ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าหากเราสามารถจัดทำบิ๊กดาตาได้ และนำข้อมูลมาวิเคราะห์จะทำให้เราทราบทันทีว่า แต่ละปีเราต้องการครูสาขาวิชาต่าง ๆ จำนวนเท่าใด เพื่อหาทางวางแผนผลิตและพัฒนาครูให้ตรงกับความต้องการต่อไป ซึ่งคุรุสภาต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้ และจากที่ตนได้ลงพื้นที่สำรวจโรงเรียนในจังหวัดภูเก็ต พบว่า บางโรงเรียนขาดครูที่จบวิชาเอกคอมพิวเตอร์ บางแห่งก็ขาดครูภาษาอังกฤษ ซึ่งครูที่สอนวิชาเหล่านี้อาจจะไปกระจุกตัวอยู่ในจังหวัดอื่นๆ ดังนั้น เราต้องหาวิธีกระจายครู เพื่อให้โรงเรียนมีครูสอนตามวิชาเอกที่จบมา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นฐานข้อมูลที่ปัจจุบันเรายังทำได้ไม่ดี และการวางแผนงานต่างๆก็ต้องปรับปรุงมากกว่านี้ โดยต้องเร่งลงมือทำแล้ว เพราะตามบริบทและในความเป็นจริง เราต้องลงพื้นที่ถึงจะเห็นปัญหา เพื่อนำมาพัฒนาการศึกษาต่อไป