เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายปรับสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวศึกษาต่อสายสามัญ โดยให้เพิ่มผู้เรียนสายอาชีวศึกษาให้ได้เป็น 50:50 เนื่องจากสายอาชีวศึกษาหรือสายอาชีพเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ ซึ่งรัฐต้องทุ่มงบฯและสร้างแรงจูงใจส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญ และให้เด็กสนใจมาเรียนสายอาชีพเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันโรงเรียนสายสามัญก็จำเป็นต้องปล่อยเด็กออกมา ซึ่งจะส่งผลให้โรงเรียนขนาดใหญ่มีจำนวนน้อยลงโดยปริยาย ประกอบกับแผนควบรวมโรงเรียนของจังหวัด ที่ตนแนะไปแล้วว่าจังหวัดนั้น ๆ ต้องมีแผนว่าต้องการพัฒนาด้านไหน เริ่มตั้งแต่อุดมศึกษา อาชีวศึกษา และการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งมัธยมศึกษาและประถมศึกษา ซึ่งเป็นการผูกระดับการเรียนเข้าด้วยกันโดยมีบริบทของจังหวัดเป็นหลัก เพราะฉะนั้นหากเดินตามแนวทางนี้เด็กก็จะค่อย ๆ หายไปจากสายสามัญได้บ้าง แต่ทั้งนี้อาชีวศึกษาเองจะต้องมีแรงจูงใจเพื่อดึงเด็กเข้ามาเรียนด้วย
“สิ่งที่เคยวางแผนในอดีตที่จะออกกฎหมายเตรียมอาชีวะ ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นแล้ว เพราะถ้าสามารถปรับหลักสูตรการเรียนการสอน และสามารถบริหารจัดการโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยอาจจะขอความร่วมมือจากสถานประกอบการเข้ามาสอนอาชีพในโรงเรียนได้ หรือ อาจจะใช้ครูในอนาคตที่ต้องเป็นครูที่มีความสามารถหลากหลายมากขึ้น ก็จะสามารถนำความรู้ที่มีการสอนในช่วงของกิจกรรมก็ได้ เพื่อให้เด็กนักเรียนมีความคุ้นเคยกับการทำงานสายอาชีพตั้งแต่ ม.ต้น น่าจะทำให้เด็กเกิดความชอบและต้องการเดินไปในสายอาชีพได้ ซึ่งผมเชื่อว่าสามารถทำได้”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว