นายสุภัทร จำปาทอง รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้รับมอบหมายจาก นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ให้ลงพื้นที่ไปประเมินการจัดสร้างโครงการศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ อควาเรียมหอยสังข์ จังหวัดสงขลานั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้นำผู้เชี่ยวชาญจากสภาสถาปนิก และกรมโยธาธิการและผังเมือง ไปร่วมตรวจสอบ ซึ่งพบว่า โครงสร้างหลักของอาคารไม่มีปัญหา มีบ้างบางจุดที่เป็นสนิม วัสดุมุงหลังคาอาจมีการยืดหด เพราะสร้างตั้งแต่ปี 2556 ทั้งนี้จากการประเมินเบื้องต้น คิดว่าอาคารหลังดังกล่าวยังสามารถสร้างเป็นอควาเรียมได้ แต่ยังไม่สรุปว่า จะสร้างเป็นอควาเรียมตามเดิม หรือจะปรับไปเป็นแหล่งเรียนรู้อื่น ซึ่งต้องหารือกับคณะทำงาน โดยจะนัดประชุมอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้
“หากเดินหน้าสร้างเป็นอควาเรียม เทคโนโลยีปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว คงต้องออกแบบตกแต่งภายในใหม่เกือบทั้งหมด ซึ่งจากการประเมินราคาคราว ๆ ต้องใช้งบประมาณเพิ่มกว่า 500 ล้านบาท โดยผมจะจัดทำข้อเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการพิจารณา อย่างน้อย 4-5 ทางเลือก พร้อมประเมินราคาไปด้วย เช่น สร้างเป็นอควาเรียมตามเดิม ปรับเป็นศูนย์นิทรรศการ ศูนย์กิจกรรมเด็กเล็ก คล้ายกับท้องฟ้าจำลอง ก็เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ หรือไม่ดำเนินการต่อ แล้วมอบให้ทางองค์กรบริหารส่วนตำบล (อบต.) เข้ามาดูแล แต่ก็ต้องดูข้อกฎหมายและเงื่อนไขต่าง ๆ ประกอบ เพราะใช้งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการไปแล้วพอสมควร เป็นต้น”นายสุภัทร กล่าว
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้า การประชาพิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ และร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต หลังคณะกรรมการกฎษฎีกาได้คัดร่างกฎหมายทั้งสองฉบับออกจากสารบบการพิจารณา เนื่องจากเป็นร่างกฎหมายที่ไม่มีการเสนอความเห็นเข้ามาตามเวลาที่กำหนด และส่งกลับมาให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามขั้นตอน นั้น ทางสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ไปแล้วสองครั้ง และเตรียมจัดรับฟังความคิดเห็นอีกในช่วงเดือนตุลาคม และเดือนพฤศจิกายนนี้ จากนั้นจะจัดทำความคิดเห็นเพิ่มเติมและสรุปไม่เกินปลายเดือนพฤศจิกายน เพื่อเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ ไม่เกินเดือนธันวาคม ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาและเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอีกรอบ
